ผลการศึกษาด้วยการวิเคราะห์โมเดลทางคอมพิวเตอร์ครั้งล่าสุดชี้ว่าแหล่งน้ำจืดในแต่ละทวีปทั่วโลกจะได้รับผลกระทบแตกต่างกันไปมากบ้างน้อยบ้างไม่เท่ากันจากภาวะโลกร้อน
ด็อกเตอร์ Jacob Schewe (ยาคอป ชีวา) และทีมงานเปิดเผยว่าปัญหาการขาดแคลนน้ำจะเป็นปัญหาหลักที่คุกคามการพัฒนาของมนุษย์หากยังไม่มีการควบคุมระดับการปล่อยแก๊สเรือนกระจกไปสู่ชั้นบรรยากาศ ทีมงานของด็อกเตอร์ Jacob Schewe ได้ตีพิมพ์ผลการศึกษาผลกระทบภาวะโลกร้อนต่อแหล่งน้ำจืดบนโลกเมื่อเร็วๆนี้ในวารสาร the Proceedings of the National Academy of Sciences
ด็อกเตอร์ Jacob Schewe กล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าน้ำเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคนเพราะเราต้องใช้น้ำเพื่อจุดประสงค์ต่างๆมากมาย หากเกิดการขาดเเคลนน้ำก็จะส่งผลกระทบต่อคนจำนวนมากและต่อกิจกรรมของมนุษย์
ด็อกเตอร์ Schewe ทำงานประจำที่สถาบัน Potsdam Institute for Climate Impact Research เขากล่าวว่าหากอุณหภูมิของโลกเพิ่มขึ้นสองถึงสามองศาเซลเซียสกว่าระดับอุณหภูมิในช่วงก่อนหน้ายุคอุตสาหกรรม ปัญหาการขาดเเคลนแหล่งน้ำจืดทั่วโลกจะรุนแรงขึ้นอย่างมาก เขาคาดว่าปัญหานี้อาจจะเกิดขึ้นภายในไม่กี่สิบปีหลังจากนี้
ด็อกเตอร์ Jacob Schewe กล่าวว่าภายใต้ภาวะโลกร้อน รูปแบบของการเกิดหยาดน้ำฟ้า การเปลี่ยนแปลงของระดับอุณหภูมิ การระเหยของน้ำ และอื่นๆจะเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งสร้างการเปลี่ยนแปลงแก่วัฏจักรน้ำบนโลก นี่จะส่งผลกระทบต่อแหล่งน้ำทั่วโลก เกิดคำถามว่าจะส่งผลให้มีน้ำน้อยลงในส่วนไหนของโลกบ้างหรืออาจจะส่งผลในทางกลับกันคือทำให้ปริมาณมีน้ำมากขึ้นในพื้นที่บางส่วนของโลก
แล้วคุณอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่จะแห้งเเล้งขึ้นหรือในพื้นที่ที่จะมีปริมาณน้ำมากขึ้น ด็อกเตอร์ Jacob Schewe ยกตัวอย่างบางตัวอย่างจากการศึกษาด้วยสถานการณ์จำลองทางคอมพิวเตอร์ที่เขาคิดว่ามีความแม่นยำ
ด็อกเตอร์ Jacob Schewe กล่าวว่าตัวอย่างแรกคือพื้นที่ในเมดิเตอร์เรเนี่ยน ผลการศึกษาชี้ว่าจะเกิดความเเห้งเเล้งมากขึ้นในพื้นที่นี้ จะมีปริมาณน้ำน้อยลง โดยเฉพาะในบริเวณทางใต้ของยุโรปและทางเหนือของทวีปอาฟริกา เขากล่าวว่าพื้นที่เหล่านี้จะได้รับผลกระทบจากการมีน้ำน้อยลง และผลการศึกษาส่อให้เห็นผลกระทบทางตรงกันข้ามในพื้นที่ทางขั้วโลกเหนือ อย่างไซบีเรียและตอนเหนือของเเคนาดาเพราะอาจจะมีปริมาณน้ำมากขึ้น
ด็อกเตอร์ Schewe กล่าวว่าหลายๆประเทศรวมทั้งอิสราเอล ตุรกี สเปนและโมร็อคโค อาจจะเกิดปัญหามีปริมาณน้ำลดลง โดยอาจจะลดลงถึงครึ่งหนึ่งของปริมาณที่มีอยู่ในปัจจุบัน
ผลการศึกษานี้ชี้ว่าทางใต้ของสหรัฐจะเเห้งเเล้งขึ้น แต่ในหลายๆส่วนของโลก แต่ไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าจะเกิดผลกระทบอย่างไร อย่างเช่นในทวีปอาฟริกาตะวันตก อย่างไรก็ตาม ด็อกเตอร์ Schewe หวังว่าผู้ออกนโยบายจะใส่ใจในผลการศึกษาที่ได้
เขากล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าทีมงานหวังว่าผลการศึกษานี้จะได้รับการสนใจจากผู้ออกนโยบายทั่วโลกและผู้ที่เกี่ยวข้องในงานเจรจาด้านการวางนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการลดปัญหาภาวะโลกร้อน เขากล่าวว่าวิธีจัดการกับภาวะโลกร้อนที่ดีที่สุดมีทางเดียวนั่นก็คือต้องไม่ปล่อยให้เกิดภาวะโลกร้อน เขามั่นใจว่าเรายังสามารถหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดต่อวัฏจักรของน้ำบนโลกได้ด้วยการควบคุมต้นเหตุของภาวะโลกร้อน
ด็อกเตอร์ Jacob Schewe (ยาคอป ชีวา) และทีมงานเปิดเผยว่าปัญหาการขาดแคลนน้ำจะเป็นปัญหาหลักที่คุกคามการพัฒนาของมนุษย์หากยังไม่มีการควบคุมระดับการปล่อยแก๊สเรือนกระจกไปสู่ชั้นบรรยากาศ ทีมงานของด็อกเตอร์ Jacob Schewe ได้ตีพิมพ์ผลการศึกษาผลกระทบภาวะโลกร้อนต่อแหล่งน้ำจืดบนโลกเมื่อเร็วๆนี้ในวารสาร the Proceedings of the National Academy of Sciences
ด็อกเตอร์ Jacob Schewe กล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าน้ำเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคนเพราะเราต้องใช้น้ำเพื่อจุดประสงค์ต่างๆมากมาย หากเกิดการขาดเเคลนน้ำก็จะส่งผลกระทบต่อคนจำนวนมากและต่อกิจกรรมของมนุษย์
ด็อกเตอร์ Schewe ทำงานประจำที่สถาบัน Potsdam Institute for Climate Impact Research เขากล่าวว่าหากอุณหภูมิของโลกเพิ่มขึ้นสองถึงสามองศาเซลเซียสกว่าระดับอุณหภูมิในช่วงก่อนหน้ายุคอุตสาหกรรม ปัญหาการขาดเเคลนแหล่งน้ำจืดทั่วโลกจะรุนแรงขึ้นอย่างมาก เขาคาดว่าปัญหานี้อาจจะเกิดขึ้นภายในไม่กี่สิบปีหลังจากนี้
ด็อกเตอร์ Jacob Schewe กล่าวว่าภายใต้ภาวะโลกร้อน รูปแบบของการเกิดหยาดน้ำฟ้า การเปลี่ยนแปลงของระดับอุณหภูมิ การระเหยของน้ำ และอื่นๆจะเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งสร้างการเปลี่ยนแปลงแก่วัฏจักรน้ำบนโลก นี่จะส่งผลกระทบต่อแหล่งน้ำทั่วโลก เกิดคำถามว่าจะส่งผลให้มีน้ำน้อยลงในส่วนไหนของโลกบ้างหรืออาจจะส่งผลในทางกลับกันคือทำให้ปริมาณมีน้ำมากขึ้นในพื้นที่บางส่วนของโลก
แล้วคุณอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่จะแห้งเเล้งขึ้นหรือในพื้นที่ที่จะมีปริมาณน้ำมากขึ้น ด็อกเตอร์ Jacob Schewe ยกตัวอย่างบางตัวอย่างจากการศึกษาด้วยสถานการณ์จำลองทางคอมพิวเตอร์ที่เขาคิดว่ามีความแม่นยำ
ด็อกเตอร์ Jacob Schewe กล่าวว่าตัวอย่างแรกคือพื้นที่ในเมดิเตอร์เรเนี่ยน ผลการศึกษาชี้ว่าจะเกิดความเเห้งเเล้งมากขึ้นในพื้นที่นี้ จะมีปริมาณน้ำน้อยลง โดยเฉพาะในบริเวณทางใต้ของยุโรปและทางเหนือของทวีปอาฟริกา เขากล่าวว่าพื้นที่เหล่านี้จะได้รับผลกระทบจากการมีน้ำน้อยลง และผลการศึกษาส่อให้เห็นผลกระทบทางตรงกันข้ามในพื้นที่ทางขั้วโลกเหนือ อย่างไซบีเรียและตอนเหนือของเเคนาดาเพราะอาจจะมีปริมาณน้ำมากขึ้น
ด็อกเตอร์ Schewe กล่าวว่าหลายๆประเทศรวมทั้งอิสราเอล ตุรกี สเปนและโมร็อคโค อาจจะเกิดปัญหามีปริมาณน้ำลดลง โดยอาจจะลดลงถึงครึ่งหนึ่งของปริมาณที่มีอยู่ในปัจจุบัน
ผลการศึกษานี้ชี้ว่าทางใต้ของสหรัฐจะเเห้งเเล้งขึ้น แต่ในหลายๆส่วนของโลก แต่ไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าจะเกิดผลกระทบอย่างไร อย่างเช่นในทวีปอาฟริกาตะวันตก อย่างไรก็ตาม ด็อกเตอร์ Schewe หวังว่าผู้ออกนโยบายจะใส่ใจในผลการศึกษาที่ได้
เขากล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าทีมงานหวังว่าผลการศึกษานี้จะได้รับการสนใจจากผู้ออกนโยบายทั่วโลกและผู้ที่เกี่ยวข้องในงานเจรจาด้านการวางนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการลดปัญหาภาวะโลกร้อน เขากล่าวว่าวิธีจัดการกับภาวะโลกร้อนที่ดีที่สุดมีทางเดียวนั่นก็คือต้องไม่ปล่อยให้เกิดภาวะโลกร้อน เขามั่นใจว่าเรายังสามารถหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดต่อวัฏจักรของน้ำบนโลกได้ด้วยการควบคุมต้นเหตุของภาวะโลกร้อน
