ผู้ประกอบการธุรกิจโรงภาพยนตร์ชั้นนำของสหรัฐฯ กำลังพิจารณาปิดให้บริการโรงภาพยนตร์ของตนในประเทศ รวมทั้งในสหราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว หลังมีข่าวการเลื่อนการเปิดฉายภาพยนตร์ เจมส์ บอนด์ ตอนล่าสุด
สำนักข่าว Associated Press รายงานว่า บริษัท ซีเนเวิล์ด กรุ๊ป (Cineworld Group) ซึ่งเป็นเจ้าของโรงภาพยนตร์ Regal 543 แห่งสหรัฐฯ และ โรงภาพยนตร์ Cineworld 128 แห่งในสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์ เปิดเผยในวันอาทิตย์ว่า บริษัทกำลังพิจารณาว่าอาจจะปิดให้บริการโรงภาพยนตร์ทั้งหลายนี้เป็นการชั่วคราวในเร็วๆ นี้ หากผู้บริหารได้ข้อสรุป
แถลงการณ์ของ Cineworld มีออกมาหลังสื่อ Sunday Times รายงานว่า โรงภาพยนตร์ของบริษัทที่ให้บริการให้สหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์จะปิดตัวโดยไม่มีกำหนดในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลให้พนักงานราว 5,500 คนต้องว่างงานลง ขณะที่ พนักงานของบริษัทในกลุ่มประเทศนี้บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ยังไม่มีใครทราบข่าวนี้เลย
โรงภาพยนตร์ในอังกฤษเริ่มกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในเดือนกรกฎาคมแล้ว แต่ ฟิลิปปา ไชลด์ส ตัวแทนของสหภาพแรงงาน BECTU ยอมรับว่า การที่ไม่มีภาพยนตร์ใหม่ๆ ออกฉาย ย่อมหมายถึง จำนวนผู้ชมที่ไม่มากพอและคุ้มค่าการดำเนินธุรกิจ
ขณะเดียวกัน โรงภาพยนตร์ในรัฐนิวยอร์ก และนครลอสแอนเจลิส ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ 2 แห่งในอเมริกาเหนือยังคงปิดให้บริการอยู่ในขณะนี้ เนื่องจากภาวการณ์ระบาดของโควิด-19
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทีมผู้ผลิตภาพยนตร์ เจมส์ บอนด์ ตอนที่ 25 ซึ่งมีชื่อว่า “No Time to Die” ประกาศเลื่อนการเปิดฉายจากกำหนดเดิมในเดือนพฤศจิกายน ไปเป็นเดือนเมษายนของปีหน้า เพราะผลกระทบของวิกฤตโควิด-19 ต่อธุรกิจโรงภาพยนตร์