นาย Chen Yunlin ประธานสมาคมความสัมพันธ์ข้ามช่องแคบไต้หวันและกลุ่มนักธุรกิจชั้นนำจากจีนแผ่นดินใหญ่เดินทางถึงไต้หวันเพื่อเริ่มกำหนดการเดินทางเยือนไต้หวันเป็นเวลา 6 วัน นาย Chen ถือเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการกระชับความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างจีนกับไต้หวัน โดยในการเดินทางเยือนไต้หวันก่อนหน้านี้ นาย Chen สามารถบรรลุข้อตกลงเปิดการค้าเสรีกับไต้หวันซึ่งช่วยลดความร้อนแรงทางการเมืองระหว่าง 2 ประเทศลงได้
ภายหลังจากที่ประธานาธิบดีไต้หวันนาย Ma Ying-Jeou ขึ้นดำรงตำแหน่งเมื่อ 3 ปีก่อน จีนและไต้หวันตกลงกันว่าจะจัดการเจรจาปีละ 2 ครั้ง และความพยายามของประธานาธิบดี Ma ที่ต้องการกระชับความสัมพันธ์กับกรุงปักกิ่งช่วยเปิดการค้าและการท่องเที่ยวข้ามช่องแคบไต้หวันมากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับการเดินทางเยือนไต้หวันของนาย Chen Yunlin ครั้งนี้ ซึ่งมุ่งเน้นที่เรื่องธุรกิจการค้าโดยเฉพาะ
นาย Raymond Wu ประธานกรรมการบริหารของบริษัทวิจัยและปรึกษา e-telligence ชี้ว่านาย Chen ต้องการสำรวจโอกาสการลงทุนในไต้หวัน พร้อมทั้งนำนักธุรกิจชั้นนำชาวจีนอีก 40 คนเดินทางมาด้วยกัน ซึ่งทำให้การเดินทางเยือนครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อนๆ และยังถือเป็นครั้งแรกที่ผู้แทนระดับสูงของจีนเดินทางเยือนภาคใต้ของไต้หวัน
บริษัทจากไต้หวันเข้าไปลงทุนในจีนแผ่นดินใหญ่เพื่ออาศัยความได้เปรียบจากแรงงานราคาถูกมานานแล้ว แต่บรรดาบริษัทจีนต่างร้องเรียนว่าไม่ได้รับโอกาสเพียงพอในการลงทุนในไต้หวันเนื่องจากรัฐบาลไต้หวันยังคงจำกัดการลงทุนของบริษัทจีนเพราะไม่ต้องการให้ไต้หวันพึ่งพาจีนในด้านเศรษฐกิจมากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางภาคใต้ของไต้หวันซึ่งเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมสำคัญของไต้หวันนั้น ดูเหมือนจะมีการต่อต้านรัฐบาลกรุงปักกิ่งยิ่งกว่าทางภาคเหนือ จึงคาดกันว่าการเดินทางเยือนของผู้แทนจีนครั้งนี้จะจุดกระแสให้เกิดการประท้วงในหลายพื้นที่
แต่นาย Shane Lee นักรัฐศาสตร์แห่ง Chang Jung Christian University ในไต้หวันเชื่อว่า นาย Chen Yunlin ต้องการเรียนรู้ความรู้สึกของประชาชนทางภาคใต้ของไต้หวันที่มีต่อจีนแผ่นดินใหญ่ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และยังเป็นการแสดงออกให้เห็นว่าตนมิได้เพิกเฉยต่อการส้รางความสัมพันธ์กับภาคใต้ของไต้หวัน
ตำรวจไต้หวันได้เตรียมกำลังรับมือหากเกิดการประท้วงจนนำไปสู่ความรุนแรงเช่นเดียวกับเมื่อคราวที่นาย Chen เดินทางเยือนเมื่อ 3 ปีก่อน แม้ว่าทางด้านพรรคฝ่ายค้านไต้หวัน Democratic Progressive Party ได้ออกมายืนยันว่าจะไม่มีการจัดตั้งกลุ่มผู้ประท้วงในครั้งนี้ เพราะเป็นเพียงการเดินทางเยือนที่มีเป้าหมายด้านธุรกิจของเอกชนเท่านั้นก็ตาม