ลิ้งค์เชื่อมต่อ

ผู้เห็นต่างจีนเชื่อ ถูกกรุงปักกิ่งอ้างชื่อไปขู่วางระเบิดเพื่อหวังคุกคาม


เกา เผิง บุตรชายของเกา จื้อ ให้สัมภาษณ์กับเอพีว่าถูกนำชื่อไปสมอ้างเพื่อขู่วางระเบิดสถานที่หลายแห่ง (ที่มา: เอพี)
เกา เผิง บุตรชายของเกา จื้อ ให้สัมภาษณ์กับเอพีว่าถูกนำชื่อไปสมอ้างเพื่อขู่วางระเบิดสถานที่หลายแห่ง (ที่มา: เอพี)

เอพีรายงานเรื่องราวของ เกา จื้อ นักกิจกรรมจีนที่ลี้ภัยในเนเธอร์แลนด์ ที่อยู่ๆ สมาชิกครอบครัวตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าขู่วางระเบิดสถานทูตจีน สนามบินและโรงแรมในไทยและยุโรป ตอกย้ำข่าวลือในหมู่ผู้เห็นต่างทางการเมืองว่า เป็นฝีมือของทางการจีนที่ต้องการคุกคามพวกเขา

เกา เผิง บุตรชายของ เกา จื้อ รวมทั้งน้องสาวอายุ 16 ปี และหลิว เฟิ่งหลิง (Liu Fengling) ผู้เป็นแม่ เดินทางถึงไทยเมื่อ 3 กรกฎาคม เพื่อจะเดินทางต่อไปพบกับเกา จื้อ ที่ลี้ภัยอยู่ในเนเธอร์แลนด์ แต่แผนการต้องพังลงเพราะพวกเขาถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้ขู่วางระเบิดสถานที่หลายแห่งในไทยและยุโรป จนถูกทางการไทยจับกุมและอาจต้องถูกส่งตัวกลับจีน

เอพีระบุว่า การขู่วางระเบิดโดยสมอ้างเป็นคนอื่นเช่นนี้เหมือนจะเป็นฝีมือของทางการจีน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะคุกคามผู้เห็นต่างทางการเมืองที่อาศัยอยู่ที่ต่างประเทศและครอบครัวของพวกเขา

วิลเลียม นี นักวิจัยและผู้ประสานงานด้านการรณรงค์จากเครือข่ายนักปกป้องสิทธิมนุษยชนจีน (Chinese Human Rights Defenders) มองว่า การกระทำดังกล่าวเป็นยุทธวิธีแบบใหม่ที่ทำให้รัฐบาลประเทศอื่นต้องมีมาตรการต่อผู้เห็นต่างจากรัฐบาลจีน

“ไม่น่าแปลกใจที่เจ้าหน้าที่รัฐอาจต้องจริงจังกับคำขู่เช่นนั้น” นีกล่าว “เป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขา (เจ้าหน้าที่รัฐ) ที่จะมีบริบทเพื่อจะเข้าใจว่า มันเป็นเพียงคำขู่ลม ๆ แล้ง ๆ”

เอพีรายงานว่า การขู่วางระเบิดหลายแห่งดังกล่าว ไม่เพียงทำให้เนเธอร์แลนด์เพิกถอนการรับรองวีซ่าให้ครอบครัวของเกา แต่ยังทำให้พวกเขาต้องถูกคุมขังในไทยเพราะวีซ่าหมดอายุด้วย

ข้อเสนอปริศนา

เกา จื้อ ไม่ใช่ผู้เห็นต่างทางการเมืองที่มีชื่อเสียง โดยเขาเป็นพนักงานโรงงานที่ต้องลี้ภัยในช่วงต้นปี 2020 หลังเลี่ยงระบบเซ็นเซอร์ของรัฐบาลจีนมาใช้ทวิตเตอร์ได้สำเร็จ ก่อนที่จะไปติดตามบรรดานักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนและเริ่มโพสต์ข้อความเรียกร้องให้มีการโค่นพรรคคอมมิวนิสต์จีน

หลังจากเกาลี้ภัยไปยังเนเธอร์แลนด์เมื่อเดือนมกราคม 2020 ครอบครัวของเขาที่จีนยังคงโดนกดดันอยู่บ้าง แต่หลังเการ่วมกับหวัง จิ้งหยู เพื่อนผู้ลี้ภัยที่เนเธอร์แลนด์ จัดงานรำลึกเหตุการณ์การปราบปรามประชาชนที่จัตุรัสเทียนอันเหมินเมื่อปี 1989 ตำรวจก็คุกคามครอบครัวของเขาหนักขึ้นถึงขั้นเข้ามายื้อแย่งโทรศัพท์ไปจากมือภรรยาของเขา

เมื่อทราบเรื่อง เกาแนะนำให้ครอบครัวลี้ภัยออกมาจากจีน และเขาได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ชาวดัตช์ว่า ให้ครอบครัวไปขอวีซ่าฉุกเฉินที่สถานทูตเนเธอร์แลนด์ที่กรุงเทพฯ

แต่ก่อนที่ครอบครัวของเกาจะเดินทางออกจากจีน เขาได้รับการติดต่อจากบุคคลที่อ้างว่ามาจากกระทรวงความมั่นคงสาธารณะและเสนอว่า หากอยากให้ครอบครัวออกจากจีนได้ เขาต้องบอกหวังให้สัมภาษณ์กับสื่อน้อยลงและให้เกาลดความรุนแรงในการแสดงความเห็นด้วย

เกาปรึกษากับหวังและตกลงทำตามข้อเสนอดังกล่าว หลังจากนั้นครอบครัวของเขาจึงสามารถออกมาจากจีนไปยังกรุงเทพฯ ในปลายเดือนมิถุนายน ก่อนถูกจับกุมในเวลาต่อมา

เอพีไม่สามารถตรวจสอบว่า สิ่งที่เกาเล่าเป็นความจริงหรือไม่ และทางกระทรวงฯ ก็ไม่ตอบกลับการติดต่อข้อความเห็นด้วย

แผนลี้ภัยปลิวไปกับสายลม

ข้อมูลที่บันทึกโดยหลิว เฟิ่งหลิง ระบุว่า มีบุคคลที่บอกว่า ตนเองชื่อ หวัง หมิงเซิน (Wang Mingsen) เป็นเจ้าหน้าที่กงสุลจากสถานทูตจีนในกรุงเทพฯ และแจ้งว่า เกา ผิง ผู้เป็นบุตรชาย อยากวางระเบิดสถานทูตจีนและโรงแรมหลายแห่งในไทย รวมถึงโรงแรมริตซ์ คาร์ลตัน และเจดับบลิว แมริออต ที่ จ.ภูเก็ต ซึ่งปรากฏว่า เกาและแม่ถูกใช้ชื่อในการจองห้องพักไว้หลายห้อง

เอพีติดต่อหวัง และได้ความว่า “ในสถานการณ์นี้ เราไม่มีข้อมูลที่จะแบ่งปันกับคุณ” ส่วนรีสอร์ทในเครือริตซ์ คาร์ลตัน ที่ จ.ภูเก็ตระบุว่า ไม่ได้รับสายการข่มขู่ใด ๆ ส่วนโรงแรมแมริออตแจ้งว่า จะให้ทีมการตลาดติดต่อกลับเพื่อให้ความเห็น

เกา เผิง กล่าวว่า เขาทั้งรู้สึกกลัวและโกรธ “เพราะพวกเขากล่าวหาและป้ายสีผม ผมรับไม่ได้”

หวัง จิ้งหยู ที่ลี้ภัยที่เนเธอร์แลนด์กล่าวว่า เขาเคยถูกตำรวจดัตช์สอบปากคำเพราะมีคนอ้างชื่อเขาไปขู่วางระเบิด ขณะที่ นักข่าวชาวจีนในเยอรมนีและนักข่าวดัตช์ที่เคยสัมภาษณ์หวังก็เคยถูกกล่าวหาในลักษณะเดียวกันมาแล้ว

เนื่องจากชื่อของสมาชิกครอบครัวของเกา จื้อ ถูกใช้ไปขู่วางระเบิดสนามบินหลายแห่งในยุโรปเช่นกัน ทำให้ชื่อของพวกเขาติดบัญชีดำ ไม่ให้เดินทางเข้ามาในยุโรป และกว่าเขาและเจ้าหน้าที่จะเดินเรื่องสะสางปัญหาสำเร็จ ครอบครัวของเขา ยกเว้น เกา เผิง ก็ถูกทางการไทยกักตัวแล้ว เพราะวีซ่าของแม่และน้องสาวของเขาหมดอายุไปเมื่อ 11 กรกฎาคม

อีเมลจากสถานทูตดัตช์ถึงเกา จื้อ ระบุว่า ทางสถานทูตได้ข้อมูลจากตำรวจไทยว่า ได้สอบสวนกรณีการขู่วางระเบิด โดยครอบครัวของเขารับสารภาพและพร้อมยินยอมที่จะเดินทางกลับจีน

เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ของเนเธอร์แลนด์ปฎิเสธที่จะให้ความเห็น และสำนักงานตำรวจแห่งชาติของประเทศไทยไม่ตอบกลับผู้สื่อข่าวที่ติดต่อขอความเห็นไป

ไทยเป็นประเทศที่มีประวัติการส่งผู้เห็นต่างทางการเมืองกลับไปยังจีน ซึ่งในบางกรณีเกิดขึ้นตามการร้องขอของรัฐบาลกรุงปักกิ่ง ในกรณีนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจไทยบอกกับทนายของหลิว เฟิ่งหลิง และครอบครัวว่า สถานทูตจีนให้ความสนใจในกรณีที่เกิดขึ้นเป็นพิเศษ

เจ้าหน้าที่รัฐเนเธอร์แลนด์กล่าวกับ เกา จื้อ ว่า สมาชิกครอบครัวของเขาจะได้วีซ่าเนเธอร์แลนด์ หากสามารถได้รับสถานะผู้ลี้ภัยจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) และเดินทางไปถึงเนเธอร์แลนด์ได้ และทาง เกา จื้อ ก็กำลังเขียนคำร้องขอความกรุณาต่อรัฐบาลไทยและเนเธอร์แลนด์อยู่

“ผมคิดว่าผมกำลังช่วยพวกเขา” เกา จื้อ กล่าว “ผมไม่คิดเลยว่าผมกำลังส่งพวกเขาเข้าคุกไทย”

XS
SM
MD
LG