ปัจจุบันความต้องการไวน์ดีหายากราคาแพงกำลังเพิ่มสูงขึ้นมาก ในประเทศจีนและฮ่องกง ในขณะที่คนร่ำรวยมีสตางค์ต่างกำลังนิยมสะสมไวน์เพื่อความชอบส่วนตัวและเพื่อการลงทุนในอนาคต ผู้สื่อข่าว Heda Bayron ส่งรายงานมาจากฮ่องกงว่าขณะนี้ราคาไวน์ในฮ่องกงและจีนแผ่นดินใหญ่ โดยเฉพาะไวน์แดง เพิ่มสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ในการประมูลไวน์ครั้งล่าสุดในฮ่องกงเมื่อเดือนที่แล้ว ไวน์ชั้นดีหายากปี 1869 จากฝรั่งเศส 3ขวดมีผู้ประมูลไปในราคาขวดละ 230,000 ดอลล่าร์หรือราว 6,700,000 บาท ซึ่งถือเป็นราคาประมูลสูงสุดเป็นสถิติโลกสำหรับไวน์ 1 ขวด ส่งผลให้อุตสาหกรรมไวน์ทั่วโลกต่างจับตามองฮ่องกงว่าอาจก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางการค้าไวน์แห่งใหม่ของโลก
ตั้งแต่ฮ่องกงยกเลิกภาษีไวน์เมื่อ 2 ปีก่อน ปริมาณการนำเข้าและส่งออกไวน์เพิ่มสูงขึ้นมากอย่างไม่เคยมีมาก่อน โดยไวน์ที่นำเข้าไปยังฮ่องกงส่วนใหญ่จะถูกส่งออกต่อไปยังจีนแผ่นดินใหญ่อีกทอดหนึ่ง ซึ่งที่นั่น คนจีนที่กำลังร่ำรวยมีสตางค์เพิ่มขึ้นต่างนิยมสะสมไวน์ชั้นดีราคาแพงจากฝรั่งเศส ออสเตรเลีย และอเมริกา โดยปัจจุบันฮ่องกงคือตลาดส่งออกไวน์รายใหญ่อันดับ 5 ของสหรัฐ กระโดดมาจากอันดับที่ 15 เมื่อ 3 ปีที่แล้ว
คุณ Peter Lunzer เจ้าของบริษัทลงทุน Lunzer Wine Investment ในกรุงลอนดอน ซึ่งเพิ่งเปิดสำนักงานสาขาในฮ่องกงเพื่อรับปรึกษาด้านการลงทุนในกองทุนไวน์ กล่าวว่าการลงทุนในไวน์นั้นอาจให้ผลตอบแทนสูงกว่าหุ้นเสียอีก เนื่องจากไวน์โดยเฉพาะไวน์แดงนั้น ยิ่งเก่าก็ยิ่งอร่อย ยิ่งอร่อยก็ยิ่งหายาก และยิ่งหายากก็ยิ่งแพง
คุณ Lunzer บอกว่าไวน์ชั้นดีนั้นปีหนึ่งๆผลิตออกมาจำนวนจำกัด เมื่อเวลาผ่านไปไวน์ปีเก่าๆก็ยิ่งเหลือน้อยลงเรื่อยๆกลายเป็นไวน์หายากราคาแพง ผู้เชี่ยวชาญการลงทุนด้านไวน์ผู้นี้ยังบอกด้วยว่า เมื่อไม่กี่ปีก่อน ไวน์ดีดียังหายากและมีราคาแพงมากในเมืองจีน แต่ปัจจุบันด้วยอิทธิพลจากตะวันตกที่มาพร้อมกับความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้คนจีนจำนวนมากโบกมือลาเหล้าขาวเหล้าแดง หันมาดื่มไวน์ขาวและไวน์แดงแทน แม้ในความเป็นจริง ไวน์นั้นแทบจะเข้ากันไม่ได้เลยกับอาหารจีนก็ตาม
คุณ Lunzer บอกว่าอิทธิพลจากตะวันตกที่มองว่าไวน์คือสัญลักษณ์ของความสำเร็จและความมั่งคั่ง คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้คนจีนจำนวนมากมิได้ใส่ใจว่าอาหารจีนกับไวน์นั้นเข้ากันได้หรือไม่