ในสัปดาห์หน้า จีนและสิงคโปร์จะเริ่มเปิดเส้นทางการบินเชื่อมต่อระหว่างสองประเทศภายใต้ชื่อมาตรการ "COVID-19 Travel Bubble" ซึ่งคล้ายการสร้างฟองอากาศขึ้นมาปกป้องผู้โดยสารที่เดินทางไปมาระหว่างสองประเทศเอาไว้ ภายใต้เหตุผลด้านการป้องกันโคโรนาไวรัส
กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงพาณิชย์สิงคโปร์อธิบายว่า มาตรการฟองอากาศ หรือ Bubble นี้ กำหนดให้ผู้โดยสารที่จะเดินทางระหว่างสองประเทศต้องได้รับการรับรองจากหน่วยงานของรัฐหรือจากบริษัท เพื่อที่จะสามารถลงทะเบียนใช้ "ช่องทางด่วน" สำหรับการเดินทางที่จำเป็น ผู้ที่ผ่านการรับรองจะสามารถเดินทางระหว่างจีนกับสิงคโปร์ได้โดยไม่ต้องมีการกักตัวเพื่อดูอาการสองสัปดาห์ โดยต้องมีการตรวจสอบก่อนเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ติดเชื้อโคโรนาไวรัสทั้งก่อนเดินทางและกลับจากการเดินทางแล้ว
ผู้โดยสารจากสิงคโปร์จะสามารถเดินทางไปยัง 6 เมืองใหญ่ในประเทศจีน ได้แก่ เซี่ยงไฮ้ กวางตุ้ง เทียนจิน ฉงชิ่ง เจียงซู่ และซีเจียง อย่างไรก็ตาม เที่ยวบินระหว่างสองประเทศจะยังคงถูกจำกัดไว้สำหรับการเดินทางเพื่อธุรกิจหรือของทางการเท่านั้น
คาดว่าการเปิดเส้นทางบินภายใต้มาตรการฟองอากาศนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของสองประเทศได้ หลังจากที่ทั้งสิงคโปร์และจีนต่างเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจหดตัวในช่วงไตรมาสแรกของปี
ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่ามาตรการฟองอากาศนี้จะถูกนำมาใช้มากขึ้นในการเดินทางระหว่างประเทศ ทั้งระหว่างหรือหลังการระบาดของโควิด-19 โดยพิจารณาจากสถานการณ์การระบาดของประเทศต้นทางและปลายทาง
เดนมาร์กและนอร์เวย์ได้จัดทำการเดินทางแบบฟองอากาศนี้แล้ว เช่นเดียวกับออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ขณะที่สิงคโปร์ก็กำลังหารือเรื่องนี้กับอีกสองประเทศคือเกาหลีใต้และแคนาดา
สำหรับกรณีของจีนนั้น นักวิเคราะห์ชี้ว่าเวลานี้ดูเหมือนเที่ยวบินที่สามารถเข้าและออกจากจีนจะถูกพ่วงไว้กับประเด็นทางการเมือง ภายใต้ข้ออ้างเรื่องการระบาดของโควิด-19
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ออกคำสั่งห้ามสายการบินพาณิชย์ของจีนบินเข้าสหรัฐฯ ตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายนนี้เป็นต้นไป เพื่อกดดันให้รัฐบาลกรุงปักกิ่งยินยอมให้สายการบินสัญชาติอเมริกันกลับมาให้บริการในจีนอีกครั้ง