ในวันจันทร์ จีนประกาศมาตรการลงโทษพลเมืองอเมริกัน 11 ราย รวมถึงนักการเมือง เพื่อตอบโต้ที่สหรัฐฯ ใช้มาตรการลงโทษกับเจ้าหน้าที่จีนและฮ่องกง 11 คนที่ถูกกล่าวหาว่าปิดกั้นเสรีภาพของประชาชนในฮ่องกง
ส่วนหนึ่งของพลเมืองสหรัฐฯ ที่อยู่ในรายชื่อผู้ที่ถูกทางการจีนใช้มาตรการลงโทษชุดล่าสุด คือ ส.ว. เท็ด ครูซ, ส.ว. มาร์โค รูบิโอ, ส.ว. ทอม คัตตอน, ส.ว. จอช ฮาวลีย์, ส.ว.แพท ทูมีย์ และ ส.ส.คริส สมิธ ซึ่งนักการเมืองสหรัฐฯ เหล่านี้ล้วนเป็นผู้วิพากษ์วิจารณ์กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ที่จีนนำมาใช้กับฮ่องกงเมื่อเดือนมิถุนายน
นอกจากนี้ยังรวมถึงผู้บริหารขององค์กรด้านสิทธิมนุษยชนและองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร 5 แห่ง ได้แก่ National Endowment for Democracy, National Democratic Institute for International Affairs, International Republican Institute, Freedom House และ Human Rights Watch สืบเนื่องจากจุดยืนขององค์กรเหล่านี้ในกรณีที่เกี่ยวกับฮ่องกง ซึ่งรัฐบาลจีนมองว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของจีน
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน จ้าว หลี่เจียน กล่าวต่อผู้สื่อข่าวว่า มาตรการลงโทษชุดนี้คือการตอบโต้ต่อพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องของสหรัฐฯ โดยมีเป้าหมายไปที่พลเมืองอเมริกันที่ทำผิดอย่างมากต่อประเด็นที่เกี่ยวกับฮ่องกง
อย่างไรก็ตาม ไม่มีการระบุว่ามาตรการลงโทษที่ว่านี้ครอบคลุมถึงอะไรบ้าง
ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนถดถอยลงในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา จากประเด็นที่เกี่ยวกับการค้า ฮ่องกง และการระบาดของโคโรนาไวรัส
เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว สหรัฐฯ ประกาศมาตรการลงโทษกับผู้บริหารเกาะฮ่องกง และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของฮ่องกงอีกหลายราย ฐานลิดรอนเสรีภาพของเขตกึ่งปกครองตนเองแห่งนี้
แถลงการณ์ของกระทรวงการคลังระบุว่า สหรัฐฯ มีมาตรการลงโทษกับ แคร์รี แลม ผู้บริหารเกาะฮ่องกง, คริส ถัง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติฮ่องกง, สตีเฟน โล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติฮ่องกงคนปัจจุบัน และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของฮ่องกงอีก 8 ราย ซึ่งรวมถึงรัฐมนตรีความมั่นคง จอห์น ลี คา-จิว และรัฐมนตรียุติธรรม เทเรซา เฉิง
มาตรการล่าสุดที่ออกมาจากฝั่งสหรัฐฯ เป็นส่วนหนึ่งของคำสั่งฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เพิ่งลงนามเมื่อเดือนกรกฎาคม ในการลงโทษจีนจากการบังคับใช้กฏหมายความมั่นคงกับฮ่องกง และยังเป็นการยกระดับนโยบายต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับจีนของรัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์ ก่อนการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายนนี้