รายงานของกลุ่มนักข่าวประเภทเจาะข่าวระหว่างประเทศ International Consortium of Investigative Journalists หรือ ICIJ ระบุว่า สมาชิกครอบครัวผู้นำและอดีตผู้นำจีนมีบัญชีธนาคารและทรัพย์สินในต่างประเทศ โดยมีธนาคารในต่างประเทศอำนวยความสะดวกให้
รายงานของ ICIJ ที่เพิ่งเผยแพร่ออกมานี้ เป็นผลของการศึกษาวิเคราะห์เอกสารลับราวๆ 2.5 ล้านฉบับที่รั่วไหลมาจากธนาคารสองแห่งในสิงคโปร์และในหมู่เกาะ Virgin ซึ่งอยู่ในการปกครองของอังกฤษ
ตามความเป็นจริง ICIJ ได้เผยแพร่ผลการศึกษาในเรื่องนี้ออกมาเมื่อเดือนเมษายน ปีที่แล้ว แต่ในรายงานล่าสุดนี้ เป็นครั้งแรกที่ ICIJ ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับลูกค้าของธนาคารทั้งสองแห่งเกือบ 22,000 ราย ที่แจ้งที่อยู่ไว้ว่าอยู่ในประเทศจีนและฮ่องกง
เรื่องนี้เป็นข่าวออกมาในขณะที่รัฐบาลจีนกำลังดำเนินคดีกับบุคคลที่เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลเปิดเผยทรัพย์สินของตนเพื่อความโปร่งใสทางการเงินในวงการการเมืองของประเทศ
การจดทะเบียนบริษัทธุรกิจในต่างประเทศไม่เป็นการกระทำผิดกฎหมายในประเทศจีน ระบบภาษีของจีนอนุญาตให้ธุรกิจขายผลิตภัณฑ์ของตนผ่านทางบริษัทสาขาที่ตั้งขึ้นในต่างประเทศได้ และยังกลับไปรายงานผลกำไรต่ำกว่าจริงในประเทศได้ด้วย
อย่างไรก็ตาม Jean-Pierre Cabestan นักรัฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัย Hong Kong Baptist ให้ความเห็นว่า คนจีนที่ร่ำรวย โดยเฉพาะผู้ที่เกี่ยวโยงกับผู้มีอำนาจทางการเมือง ไม่ว่าจะผ่านทางสายเลือดหรือการแต่งงาน อาจเลือกการจัดตั้งบริษัทในต่างประเทศด้วยเหตุผลทั้งทางการเมืองและการภาษี เขาบอกว่า คนเหล่านี้ไม่อยากเก็บเงินไว้ในที่ที่เดียว และว่าคนเหล่านี้อยากจะเก็บเงินไว้ในที่ปลอดภัยสำหรับช่วงวัยทอง หรือเมื่อมีเหตุเกิดขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ไม่มีความเชื่อมั่นในระบบและอนาคตของระบบการเมืองที่เป็นอยู่
รายงานของ ICIJ ฉบับนี้ ให้รายละเอียดเกี่ยวกับบริษัทธุรกิจของญาติของสมาชิกในคณะกรรมการถาวร Politburo ของจีน อย่างน้อยห้าคน คณะกรรมการชุดนี้เป็นองค์กรที่ดำเนินการตัดสินใจสูงสุดของจีน
ชื่อที่รายงานของ ICIJ ไว้มีนาย Deng Jiagui พี่หรือน้องเขยของประธานาธิบดี Xi Jinping ซึ่งร่ำรวยจากการค้าขายบ้านและที่ดินและอุปกรณ์อิเล็คทรอนิค เขาถือหุ้น 50% ในบริษัท Excellence Effort Property Development ในหมู่เกาะ Virgin
รายงานฉบับเดียวกันนี้ ยังได้ระบุชื่อบุตรชาย บุตรสาว และเพื่อนของครอบครัวอดีตนายกรัฐมนตรี Wen Jiabao ว่าเชื่อมโยงกับบริษัทธุรกิจหลายแห่งในหมู่เกาะ Virgin ด้วย
รายงานเจาะข่าวของ ICIJ กล่าวไว้ด้วยว่า สำนักข่าวรายใหญ่ในประเทศจีนที่ร่วมทำงานกับ ICIJ ในเรื่องนี้ ถอนตัวออกไปหลังได้รับคำเตือนจากทางการจีนมิให้ตีพิมพ์ข้อมูลจากเอกสารลับที่รั่วไหลออกมา ส่วนเว็บไซต์ของ ICIJ ที่เผยแพร่รายงานฉบับนี้เป็นภาษาจีนกลาง ถูกปิดไม่ให้เข้าถึงได้ไม่นานนักหลังจากที่นำรายงานนี้เผยแพร่ออนไลน์ การค้นหาตามบริการ microblog ในจีนก็ถูกเซ็นเซ่อร์ด้วย
นักรัฐศาสตร์ Jean-Pierre Cabestan บอกว่า ไม่ว่าจะสกัดกั้นอย่างไร ข่าวอย่างนี้ก็ยังรั่วไหลเข้าไปในจีนได้เสมอ และว่าในระยะยาว เรื่องแบบนี้อาจก่อให้เกิดความขุ่นเคืองในหมู่ประชาชนต่อชนชั้นผู้ปกครองประเทศได้ และว่า ความขุ่นเคืองที่เกิดขึ้น จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังเพราะระบบการเมืองจีนมีความเข้มแข็งมากทีเดียว
ICIJ กล่าวว่าจะตีพิมพ์เรื่องนี้เพิ่มเติมอีกต่อไปในช่วงสองสามวันข้างหน้า รวมทั้งรายชื่อผู้ที่เกี่ยวโยงกับบัญชีธนาคารนอกประเทศจีนด้วย
รายงานของ ICIJ ที่เพิ่งเผยแพร่ออกมานี้ เป็นผลของการศึกษาวิเคราะห์เอกสารลับราวๆ 2.5 ล้านฉบับที่รั่วไหลมาจากธนาคารสองแห่งในสิงคโปร์และในหมู่เกาะ Virgin ซึ่งอยู่ในการปกครองของอังกฤษ
ตามความเป็นจริง ICIJ ได้เผยแพร่ผลการศึกษาในเรื่องนี้ออกมาเมื่อเดือนเมษายน ปีที่แล้ว แต่ในรายงานล่าสุดนี้ เป็นครั้งแรกที่ ICIJ ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับลูกค้าของธนาคารทั้งสองแห่งเกือบ 22,000 ราย ที่แจ้งที่อยู่ไว้ว่าอยู่ในประเทศจีนและฮ่องกง
เรื่องนี้เป็นข่าวออกมาในขณะที่รัฐบาลจีนกำลังดำเนินคดีกับบุคคลที่เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลเปิดเผยทรัพย์สินของตนเพื่อความโปร่งใสทางการเงินในวงการการเมืองของประเทศ
การจดทะเบียนบริษัทธุรกิจในต่างประเทศไม่เป็นการกระทำผิดกฎหมายในประเทศจีน ระบบภาษีของจีนอนุญาตให้ธุรกิจขายผลิตภัณฑ์ของตนผ่านทางบริษัทสาขาที่ตั้งขึ้นในต่างประเทศได้ และยังกลับไปรายงานผลกำไรต่ำกว่าจริงในประเทศได้ด้วย
อย่างไรก็ตาม Jean-Pierre Cabestan นักรัฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัย Hong Kong Baptist ให้ความเห็นว่า คนจีนที่ร่ำรวย โดยเฉพาะผู้ที่เกี่ยวโยงกับผู้มีอำนาจทางการเมือง ไม่ว่าจะผ่านทางสายเลือดหรือการแต่งงาน อาจเลือกการจัดตั้งบริษัทในต่างประเทศด้วยเหตุผลทั้งทางการเมืองและการภาษี เขาบอกว่า คนเหล่านี้ไม่อยากเก็บเงินไว้ในที่ที่เดียว และว่าคนเหล่านี้อยากจะเก็บเงินไว้ในที่ปลอดภัยสำหรับช่วงวัยทอง หรือเมื่อมีเหตุเกิดขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ไม่มีความเชื่อมั่นในระบบและอนาคตของระบบการเมืองที่เป็นอยู่
รายงานของ ICIJ ฉบับนี้ ให้รายละเอียดเกี่ยวกับบริษัทธุรกิจของญาติของสมาชิกในคณะกรรมการถาวร Politburo ของจีน อย่างน้อยห้าคน คณะกรรมการชุดนี้เป็นองค์กรที่ดำเนินการตัดสินใจสูงสุดของจีน
ชื่อที่รายงานของ ICIJ ไว้มีนาย Deng Jiagui พี่หรือน้องเขยของประธานาธิบดี Xi Jinping ซึ่งร่ำรวยจากการค้าขายบ้านและที่ดินและอุปกรณ์อิเล็คทรอนิค เขาถือหุ้น 50% ในบริษัท Excellence Effort Property Development ในหมู่เกาะ Virgin
รายงานฉบับเดียวกันนี้ ยังได้ระบุชื่อบุตรชาย บุตรสาว และเพื่อนของครอบครัวอดีตนายกรัฐมนตรี Wen Jiabao ว่าเชื่อมโยงกับบริษัทธุรกิจหลายแห่งในหมู่เกาะ Virgin ด้วย
รายงานเจาะข่าวของ ICIJ กล่าวไว้ด้วยว่า สำนักข่าวรายใหญ่ในประเทศจีนที่ร่วมทำงานกับ ICIJ ในเรื่องนี้ ถอนตัวออกไปหลังได้รับคำเตือนจากทางการจีนมิให้ตีพิมพ์ข้อมูลจากเอกสารลับที่รั่วไหลออกมา ส่วนเว็บไซต์ของ ICIJ ที่เผยแพร่รายงานฉบับนี้เป็นภาษาจีนกลาง ถูกปิดไม่ให้เข้าถึงได้ไม่นานนักหลังจากที่นำรายงานนี้เผยแพร่ออนไลน์ การค้นหาตามบริการ microblog ในจีนก็ถูกเซ็นเซ่อร์ด้วย
นักรัฐศาสตร์ Jean-Pierre Cabestan บอกว่า ไม่ว่าจะสกัดกั้นอย่างไร ข่าวอย่างนี้ก็ยังรั่วไหลเข้าไปในจีนได้เสมอ และว่าในระยะยาว เรื่องแบบนี้อาจก่อให้เกิดความขุ่นเคืองในหมู่ประชาชนต่อชนชั้นผู้ปกครองประเทศได้ และว่า ความขุ่นเคืองที่เกิดขึ้น จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังเพราะระบบการเมืองจีนมีความเข้มแข็งมากทีเดียว
ICIJ กล่าวว่าจะตีพิมพ์เรื่องนี้เพิ่มเติมอีกต่อไปในช่วงสองสามวันข้างหน้า รวมทั้งรายชื่อผู้ที่เกี่ยวโยงกับบัญชีธนาคารนอกประเทศจีนด้วย
