การขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ โดยเฉพาะการไลฟ์สดถือเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่นักช้อปให้ความสนใจมากขึ้นตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด ทั้งนี้ รัฐบาลจีนได้เริ่มหันมากวดขันภาคธุรกิจนี้มากขึ้น
สำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า นโยบายเน้น “ความเจริญรุ่งเรืองร่วม” (common prosperity) ของรัฐบาลจีนได้ยกระดับความเข้มงวดในการกวดขันการขายสินค้าออนไลน์ในประเทศมากขึ้น ส่งผลให้การจับจ่ายสไตล์นี้ซบเซาลงและแพลตฟอร์มโชเชียลของดาราสาว ‘ไลฟ์สด’ ชื่อดังที่มีคนติดตามมากกว่า 100 ล้านคนอย่าง ‘วิย่า’ ก็ถูกระงับการใช้งาน เนื่องจากเธอถูกตั้งข้อหาว่าหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษีและถูกปรับเงินกว่า 200 ล้านดอลลาร์
ค่าปรับข้างต้นของ ‘วิย่า’ อดีตนักร้องวัย 36 ปี นั้นสูงกว่าผู้ที่เคยถูกปรับคนอื่นๆ และตรงกับคำสัญญาของรัฐบาลปักกิ่งที่ให้คำมั่นว่าจะกวดขันบุคคลที่หนีภาษีมากขึ้นเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคม โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่มีผู้คนประสบความยากลำบากจำนวนมากจากเศรษฐกิจที่ชะลอการขยายตัว
ทั้งนี้ ‘วิย่า’ ได้กล่าวขอโทษที่เธอหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษีผ่านเอกสารแถลงการณ์ และไม่มีการตอบสำนักข่าวรอยเตอร์กลับเพื่อแสดงความคิดเห็นใดๆ ส่วนบริษัทขายสินค้าออนไลน์ของเธอนั้นได้บอกผ่านสื่อในประเทศจีนว่ายังเปิดทำการตามปกติ
หลิว ชิงเหลียงแห่งบริษัทที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยี China Internet Data Center บอกว่า “ผู้คนต่างรู้สึกตกใจกับรายได้ที่สูงของ livestreamers หรือผู้ที่ทำอาชีพไลฟ์สดเพื่อขายของ” เขากล่าวว่า บริษัทขายสินค้าออนไลน์ของดาราสาววีย่า น่าจะมีราคาถึง 16,000 ล้านดอลลาร์ หากนำเข้าตลาดหุ้น
ทางด้าน ลี่ เจี่ยชี่ หรือ 'Lipstick Brother' ซึ่งมีอิทธิพลในแวดวงการขายสินค้าออนไลน์คล้ายกับ‘วีย่า’ ได้ร่วมกล่าวหาเครื่องสำอางสัญชาติฝรั่งเศส L'Oreal และเลิกรีวิวสินค้าจากแบรนด์ดังกล่าว โดยชี้ว่าแบรด์ข้างต้นไม่ยอมเสนอสินค้าในราคาที่ต่ำที่สุดให้แก่แฟนๆออนไลน์ของพวกเขา
L'Oreal จึงได้มีการเสนอคูปองลดราคาหลังเกิดเหตุการณ์ข้างต้นขึ้น แต่ทางบริษัทเครื่องสำอางยี่ห้อไม่มีการตอบกลับสำนักข่าวรอยเตอร์เพื่อขอความคิดเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ในช่วงปีที่ผ่านมาระหว่างการระบาดของโควิด ธุรกิจการขายสินค้าออนไลน์เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว จำนวนดารา ‘ไลฟ์สด’เพื่อขายผลิตภัณฑ์ต่างๆจึงเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย บริษัทวิจัย iiMedia Research ระบุว่าประเทศจีนมีบริษัทที่เป็น “ผู้จัดการ” ให้ดาราเหล่านี้มากกว่า 28,000 แห่งเลยทีเดียว
นักวิเคราะห์จำนวนมากอธิบายว่าดาราไลฟ์สดสามารถดึงดูดนักช้อปในประเทศจีนได้เพราะพวกเขามีบุคลิกที่สนุกและสามารถต่อราคากับแบรนด์ต่างๆเพื่อมานำเสนอผู้ติดตามในรายการได้ ผู้ที่ชื่นชอบการซื้อของออนไลน์อย่าง เหลียง หยี บอกกับรอยเตอร์ว่า เธอมักใช้เวลาช่วงเย็นดูไลฟ์สดและซื้อสินค้าหลายชิ้นที่ได้รับการนำเสนอผ่านช่องทางดังกล่าว
ประธานบริษัทยูนิลิเวอร์สำหรับกิจการในจีนและเอเชียเหนือ โรฮิท จาวา ชี้ว่า ความบันเทิงที่นักช้อปได้รับจากการดูไลฟ์สดถือเป็นจุดขายสำคัญ ทางแบรนด์ของเขาจึงมีการจ้างดาราอย่าง 'Lipstick Brother' และ วีย่าตั้งแต่ปี 2019
บริษัทที่ปรึกษา McKinsey & Co. ประเมินว่ามูลค่าการค้าขายผ่านไลฟ์สดของจีนเติบโตสู่ 4 แสน 2 หมื่น 3 พัน ล้านดอลลาร์ภายในปีหน้า มากกว่าสองเท่าของการประเมินสำหรับปีที่เเล้ว
ในรายงานของ McKinsey ยังระบุอีกด้วยว่า “การขายของแบบไลฟ์สดนับถือหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการประสบความสำเร็จของบริษัทที่ทำการค้าต่างๆในประเทศจีนและในเอเชีย ปรากฏการณ์นี้ยังได้เริ่มแพร่แขยายและได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในยุโรปและสหรัฐฯอีกด้วย”
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางส่วนบอกว่าการที่รัฐบาลจีนเพิ่มความเข้มงวดกับภาคธุรกิจนี้ถือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับแบรนด์ต่างๆ เพราะเป็นการช่วยลดอำนาจการต่อรองราคาสินค้าจากดาราไลฟ์สดและเปิดโอกาสให้นักช้อปเข้าไปซื้อของโดยตรงกับทางแบรนด์ต่างๆแทน
(ที่มา: สำนักข่าวรอยเตอร์)