เมื่อวันอาทิตย์ รัฐบาลกรุงปักกิ่งประกาศลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับลิทัวเนียลงเหลือระดับอุปทูตซึ่งต่ำกว่าระดับเอกอัครราชทูตเพื่อตอบโต้การที่ลิทัวเนียอนุญาตให้ไต้หวันเปิดสำนักงานตัวแทนในกรุงวิลเนียสได้ โดยก่อนหน้านี้จีนได้ขอให้ทูตของลิทัวเนียประจำกรุงปักกิ่งเดินทางกลับประเทศและได้เรียกตัวทูตจีนประจำลิทัวเนียกลับประเทศจีนแล้วเช่นกัน
อย่างไรก็ตามถึงแม้จีนจะไม่พอใจที่ลิทัวเนียยอมให้ไต้หวันเปิดสำนักงานตัวแทนในประเทศและมีการตอบโต้ทางการทูต แต่เรื่องดังกล่าวก็สะท้อนความสนใจที่เพิ่มมากขึ้นของประเทศต่างๆ ที่จะขยายความสัมพันธ์ทางการค้ากับไต้หวันถึงแม้ปักกิ่งจะกล่าวอ้างมาตลอดว่าไต้หวันเป็นจังหวัดหนึ่งของตนก็ตาม
กระทรวงการต่างประเทศจีนได้กล่าวหาลิทัวเนียว่าบั่นทอนอำนาจอธิปไตยรวมทั้งบูรณภาพแห่งดินแดนของจีนทั้งยังเรียกร้องให้ลิทัวเนียแก้ความผิดพลาดเรื่องนี้โดยทันที ขณะนี้มีราว 15 ประเทศในโลกซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มประเทศละตินอเมริกาและในทวีปแอฟริกาซึ่งมีความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการกับไต้หวัน แต่ประเทศส่วนใหญ่เช่นสหรัฐฯ กับญี่ปุ่นถึงแม้จะมีความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการกับจีนปักกิ่งแต่ก็ยังคงความสัมพันธ์ด้านการค้ากับไต้หวันอยู่ผ่านทางสำนักงานการค้าซึ่งก็ทำหน้าที่เป็นสถานทูตอย่างไม่เป็นทางการของไต้หวันในประเทศเหล่านี้นั่นเอง
สำหรับในกรณีของลิทัวเนียนั้น รัฐบาลลิทัวเนียได้มีการตัดสินใจซึ่งผิดจากแนวปฏิบัติทางการทูตของประเทศอื่นส่วนใหญ่ โดยเรียกสำนักงานการค้าดังกล่าวว่าสำนักงานการค้าของไต้หวัน แทนที่จะใช้คำว่าจีนไทเปซึ่งประเทศอื่นมักจะใช้ในความพยายามไม่ให้จีนปักกิ่งขุ่นเคืองใจ และรัฐบาลลิทัวเนียก็ประกาศว่าตนมีแผนจะเปิดสำนักงานตัวแทนในไต้หวันด้วยเช่นกัน