รัฐมนตรีพาณิชย์ของจีนและญี่ปุ่น ออกมาโจมตีแผนการขึ้นภาษีนำเข้ายานยนต์และชิ้นส่วนของสหรัฐฯ ว่าอาจทำให้ตลาดยานยนต์โลกต้องปั่นป่วนหนัก
นายฮิโรชิเกะ เซโกะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมญี่ปุ่น บอกว่า หากการตรวจสอบการนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนจากต่างประเทศของสหรัฐฯ นำไปสู่การตั้งกำแพงภาษี เรื่องจะทำให้ตลาดโลกเข้าสู่ภาวะผันผวนได้
ขณะที่ โฆษกรัฐมนตรีพาณิชย์ของจีน Gao Feng เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวจีนเมื่อวันพฤหัสบดีว่า การใช้เหตุผลด้านความมั่นคงของประเทศในทางที่ผิด ได้ทำลายระบบการค้าพหุพาคีและขัดขวางระบบการค้าระหว่างประเทศที่ควรจะเป็น
ท่าทีของญี่ปุ่นและจีน มีขึ้นหลังประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ได้สั่งการให้รัฐมนตรีพาณิชย์ วิลเบอร์ รอสส์ (Wilbur Ross) รวมรวบข้อมูลถึงผลกระทบของการนำเข้ารถยนต์ที่มีผลต่อความมั่นคงของประเทศ
ผู้นำสหรัฐฯ มีคำสั่งให้กระทรวงพาณิชย์ ตรวจสอบผลกระทบของการนำเข้ายานยนต์ ซึ่งรวมถึงระบรรทุกและชิ้นส่วนจากต่างประเทศ ตามกฏหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา 232 ซึ่งหากพบว่ามีผลต่อความมั่นคงของประเทศ สหรัฐฯสามารถตั้งกำแพงขึ้นภาษีรถยนต์นำเข้า ที่อาจมากถึงร้อยละ 25 ได้
ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อ 5 ประเทศผู้ส่งออกยานยนต์และชิ้นส่วนรายใหญ่ให้กับสหรัฐฯ ได้แก่ เม็กซิโก แคนาดา สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ที่ล้วนแต่เป็นพันธมิตรที่สำคัญกับสหรัฐฯทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม ทาง Wall Street Journal วิเคราะห์ว่า มาตรการดังกล่าวจะไม่ผ่านการพิจารณาเห็นชอบจากองค์การการค้าโลก หรือ WTO
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ใช้กฏหมายดังกล่าว ในการปรับขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กกล้าร้อยละ 25 และร้อยละ 10 กับสินค้าอลูมิเนียม เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระทบต่อประเทศผู้ส่งออกเหล็กกล้าและอลูมิเนียมหลายแห่ง อาทิ จีน ญี่ปุ่น และอินเดีย