ชาวจีนแห่ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ
นักลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ของจีนกำลังพยายามเสาะหาแหล่งลงทุนทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอเมริกาและออสเตรเลีย รวมทั้งในตลาดใหม่ๆ อย่างเช่น ดูไบ แม้รัฐบาลจีนกำลังคุมเข้มเรื่องการเคลื่อนย้ายเงินทุนนอกประเทศ
เมื่อเร็วๆนี้ ธนาคารกลางของจีนมีคำสั่งให้ควบคุมการถอนเงินทาง ATM จากธนาคารสาขาของจีนในประเทศตะวันตก
แต่ตัวเลขการซื้ออสังหาริมทรัพย์ของชาวจีนในต่างประเทศเมื่อปีที่แล้ว ยังสูงขึ้นถึง 30% แสดงให้เห็นว่าบรรดาเศรษฐีชาวจีนยังคงขนเงินออกนอกประเทศเป็นปริมาณเกินกว่าที่รัฐบาลจีนอนุญาตคือ 50,000 ดอลลาร์
นักวิเคราะห์เชื่อว่าสาเหตุที่ชาวจีนพากันซื้ออสังหาริมทรัพย์ไว้ในต่างประเทศ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะต้องการย้ายถิ่นฐานออกจากจีน หรือเพื่อส่งลูกไปเรียนในประเทศที่ตนมีบ้านไว้รองรับ
นั่นทำให้ประเทศทางตะวันตกหลายประเทศปรับนโยบายด้านวีซ่าเสียใหม่เพื่อรองรับชาวจีนที่ต้องการเข้ามาอาศัยอย่างถาวรผ่านการซื้ออสังหาริมทรัพย์ เช่นในสเปน โปรตุเกส กรีซ และไซปรัส
อเมริกากลายเป็นจุดหมายหลักของนักลงทุนจากจีน
ปริมาณการลงทุนของจีนในอเมริกาในปีนี้ คาดว่าจะสูงขึ้นเป็นสถิติใหม่ เนื่องจากมีบริษัทจีนหลายบริษัทกำลังพยายามหาลู่ทางควบรวมกิจการกับบริษัทสหรัฐฯ ด้วยเม็ดเงินลงทุนที่คาดว่าจะมีมูลค่าราว 20,000 - 30,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มจากระดับ 15,000 ล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว และ 12,000 ล้านดอลลาร์ในช่วงสองปีก่อน
อย่างไรก็ตาม ปริมาณการลงทุนของจีนในสหรัฐฯ ยังถือเป็นส่วนน้อย คือมีเพียง 1/8 เท่านั้นเมื่อเทียบการปริมาณการลงทุนของจีนในยุโรปและเอเชีย โดยเฉพาะในญี่ปุ่น เยอรมนี และอังกฤษ
นักวิเคราะห์ระบุว่า การลงทุนของจีนในสหรัฐฯในปัจจุบัน ส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่ภาคบริการ เช่น ธุรกิจบันเทิง การบริการสุขภาพ ตลอดจนการบริการด้านเทคโนโลยีและการเงิน ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจของจีน จากมุ่งเน้นด้านการผลิตไปเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีและการบริการมากขึ้น ทำให้บริษัทจากจีนต้องการควบรวมกิจการกับบริษัทที่มีชื่อเสียงด้านเทคโนโลยีในประเทศตะวันตกมากกว่า