ทางการจีนสั่งอพยพชาวบ้านหลายพันคนแถบเมืองเอินฉีในมณฑลหูเป่ย หลังเกิดเหตุดินถล่มเมื่อวันอังคาร (21 ก.ค.) ทำให้ดินกว่า 1.5 ล้านลูกบาศก์เมตรถมทับแม่น้ำสายย่อยของแม่น้ำแยงซี ปิดกั้นทางน้ำจนทำให้อาจเกิดน้ำท่วมหมู่บ้านหลายแห่งในบริเวณใกล้เคียง
โดยฝนที่ตกหนักเป็นประวัติการณ์ติดต่อกันหลายสัปดาห์กระทบการใช้ชีวิตของประชาชนในมณฑลหูเป่ยแล้วกว่าสามล้านคน ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์
ทั้งนี้ สำนักอุตุนิยมวิทยาของจีนระบุเมื่อวันพุธ (22 ก.ค.) ว่า มีฝนตกหนักทั่วจีนในสัปดาห์นี้ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่ โดยมีการประกาศเตือนภัยน้ำท่วมในมณฑลเจียงซีและมณฑลอานฮุยซึ่งตั้งอยู่บนสองฝั่งแม่น้ำแยงซีแล้ว
กระทรวงทรัพยากรน้ำของจีนยังเตือนด้วยว่า ระดับน้ำในแม่น้ำแยงซีและทะเลสาบที่เชื่อมต่อกันจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ และจะมีฝนตกหนักตามแถบแม่น้ำเหลืองและแม่น้ำหวยเหอในอีกสามวันต่อจากนี้
ทางกระทรวงยังเฝ้าระวังระดับน้ำในเขื่อนสามผา ซึ่งเป็นเขื่อนสร้างกระแสไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยขณะนี้ระดับน้ำในเขื่อนที่กั้นแม่น้ำแยงซีนี้สูงกว่าระดับเตือนภัยถึง 16 เมตรแล้ว
แม้ว่าจีนจะมีเขื่อนยักษ์เป็นจำนวนมากเพื่อรับมือกับปัญหาน้ำท่วมและผลิตกระแสไฟฟ้า แต่ผู้เชี่ยวชาญกลับมองว่าเขื่อนเหล่านี้นอกจากจะไม่มีประสิทธิภาพรับมือกับสภาพอากาศรุนแรงเท่าที่ควรแล้ว ยังทำให้การกักเก็บน้ำทำได้น้อยลงด้วยซ้ำ
ดาร์ริน มากี อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการจัดการน้ำในจีน จากวิทยาลัย Hobart and William Smith Colleges เห็นว่า เขื่อนต่างๆ ดักการพัดผ่านของตะกอนไปยังพื้นที่ราบน้ำท่วมถึงและพื้นที่ชุ่มน้ำในบริเวณปลายน้ำ ทำให้พื้นที่ดังกล่าวดูดซับน้ำได้น้อยลง
มากียังมองด้วยว่า ความต้องการผลิตกระแสไฟฟ้าอาจทำให้ความสามารถในการกักเก็บน้ำทำได้น้อยลง เนื่องจากจะต้องมีการปล่อยน้ำออกเพื่อให้เกิดพลังงานในการผลิตกระแสไฟฟ้า
ทั้งนี้ มีผู้คนอย่างน้อย 141 คนเสียชีวิตหรือสูญหายจากเหตุน้ำท่วมตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมิ.ย. และมีบ้านเรือนได้รับความเสียหายมากกว่า 150,000 หลังคาเรือน