ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา จีนได้ใช้วัคซีนต้านโควิด-19 กับผู้คนหลายแสนคน ซึ่งวัคซีนเหล่านี้กำลังอยู่ในช่วงตรวจสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัย ภายใต้โครงการฉุกเฉินที่รัฐบาลปักกิ่งได้อนุมัติตั้งแต่เดือนกรกฎาคม
สูตรวัคซีนหลักๆ ของจีนมีผู้พัฒนา 2 รายคือ Sinovac Biotech และ China National Biotec Group หรือ CNBG
บริษัท Sinovac Biotech ลองใช้วัคซีนสูตรของตนกับพนักงานและญาติของพนักงานบริษัท รวมแล้วประมาณ 3,000 คน ส่วนบริษัท CNBG ซึ่งเป็นบริษัทลูกของรัฐวิสาหกิจจีน Sinopharm เป็นเจ้าของวัคซีนสองสูตร และใช้วัคซีนกับมนุษย์แล้วกว่า 3 แสนคน
นอกจากนั้น ทางการจีนยังเคยอนุมัติ เมื่อเดือนมิถุนายน ให้ทหารในประเทศเป็นกลุ่มตัวอย่างการใช้วัคซีนของบริษัท CanSino Biologics อีกด้วย
หากพิจารณาถึงวัคซีนต้านโควิด-19 เหล่านี้ จีนถือเป็นประเทศที่มี ตัวเลือกวัคซีนสำหรับการทดสอบขั้นสุดท้ายก่อนใช้จริงมากที่สุดในโลก ความรวดเร็วในโครงการเหล่านี้เปิดโอกาสให้บริษัทผู้พัฒนาวัคซีนของจีน ร่วมงานกับประเทศต่างๆ กว่า 40 แห่ง และทำการทดสอบในขั้นที่ใช้กับมนุษย์ อย่างน้อย 10 โครงการ
อีกก้าวหนึ่งที่สำคัญ คือ จีนได้กลายเป็นประเทศเเรกที่มีตัวเลือกวัคซีนต้านโควิด-19 ซึ่งได้รับการอนุมัติให้ใช้ได้ในต่างประเทศ หลังเกิดความตกลงกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญต่างชาติวิจารณ์การที่จีนลงมือใช้วัคซีน ก่อนที่ผลจากการวิจัยในขั้นที่ทดสอบกับมนุษย์หรือ clinical trial จะได้ข้อสรุปเสียก่อน
ดร. อาร์เธอร์ เเคปแลนด์ หัวหน้าภาควิชาจรรยาบรรณแพทย์ แห่งมหาวิทยาลัย New York University กล่าวว่า การที่จีนเริ่มใช้วัคซีนที่มีการทดสอบเพียงเล็กน้อยและไม่มีการตีพิมพ์ผลการศึกษา เป็นการกระทำที่อันตรายและขาดการไตร่ตรองถึงผลที่อาจตามมา เขากล่าวกับวีโอเอว่าผู้ที่ถูกฉีดวัคซีนเข้าไปอาจได้รับอันตรายได้
ตามปกติ การพัฒนาวัคซีนจะใช้เวลาหลายปี ในการวิจัยและทดสอบ ก่อนที่จะถูกนำไปใช้กับประชาชน ในการทดลองเฟส 3 ซึ่งเป็นขั้นตอนการศึกษาและทดสอบลำดับสุดท้าย จะมีการศึกษาผลจากการรับวัคซีนของกลุ่มตัวอย่างหลายพันหรือหลายหมื่นคน เพื่อยืนยันความปลอดภัยและประสิทธิภาพของยา
ศาสตราจารย์ ลอเรนซ์ กอสติน ที่สอนวิชากฎหมายสาธารณสุขระหว่างประเทศที่มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ ให้สัมภาษณ์กับวีโอเอว่า “ก่อนการทดลองในเฟสที่ 3 เสร็จสิ้นลง เราจะไม่สามารถแน่ใจได้อย่างเต็มที่ถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพ”
ภายใต้กฎหมายของจีน วัคซีนที่ถูกพัฒนาขึ้นภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน สามารถนำมาใช้ได้อย่างเร่งด่วน หากหน่วยงานรัฐพิจารณาว่าประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นมีมากกว่าความเสี่ยง
ดร. เจนนิเฟอร์ หวง บูอี้ นักระบาดวิทยาและผู้เชี่ยวชาญด้านจีน แห่งบริษัท RAND Corp. กล่าวว่า การดำเนินการอย่างเร่งรีบของจีน อาจเกิดปฏิกริยาตีกลับในเชิงลบ กล่าวคือประชาชนอาจจะขาดความเชื่อมั่นในวัคซีน และมีคนจำนวนน้อยที่เต็มใช้วัคซีน
ขณะนี้ทั่วโลกมี สูตรวัคซีนต้านโควิด-19 ที่เป็นตัวเลือกทั้งหมด 11 สูตร ซึ่งได้รับการทดสอบกันมนุษย์เฟส 3 โดยที่ 4 สูตรมีบริษัทจีนเป็นผู้พัฒนา
ข้อมูลของสมาคม American Council on Science and Health ระบุว่าวัคซีนต้านโรคติดเชื้อ ที่เข้าสู่ขั้นตอนการทดสอบ clinical trial มีเพียงร้อยละ 33.4 เท่านั้นที่ประสบความสำเร็จในการทดลอง นั่นหมายความว่า วัคซีนส่วนใหญ่จะ “สอบตก” ในเฟสดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายจีนกล่าวว่าไม่พบอย่างชัดเจนว่า มีผู้ได้รับวัคซีนและร่างกายตอบสนองต่อยาในเชิงลบ
นายโจว ซง หัวหน้าที่ปรึกษาด้านกฎหมายของบริษัทยาจีน CNBG กล่าวว่า คนนับหมื่นที่ได้รับวัคซีน ไม่พบว่าติดโคโรนาไวรัส หลังจากที่ได้เดินทางไปประเทศและภูมิภาคที่มีความเสี่ยงสูง เขากล่าวว่านั่นเเสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่ดีของวัคซีนต้านโควิด-19
ทั้งนี้ องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ หรือ FDA ศึกษาข้อมูลวัคซีนเมื่อ 3 ปีก่อนและพบว่า วัคซีนที่มีผลดีในเฟส 2 อาจ “สอบตก” ในเฟส 3 การวิจัยของ FDA พบด้วยว่า วัคซีน 22 ชนิด ที่เข้าสู่เฟส 3 มี 14 ชนิดที่ไม่สามารถยืนยันประสิทธิภาพที่ดีที่เคยแสดงออกมาในเฟส 2 ได้ และมีหนึ่งวัคซีนที่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยในเฟสที่ 3