การที่รัฐบาลกรุงปักกิ่งตัดสินใจพลิกกลับมาผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดโควิด-19 เมื่อเร็ว ๆ นี้กลายมาเป็นปัจจัยที่ทำให้ทั่วโลกเกิดกระวนกระวายใจไม่น้อย โดยรัฐบาลกรุงวอชิงตันออกมากล่าวว่า สหรัฐฯ เตรียมจำกัดการเดินทางเข้าประเทศที่มาจากจีน
เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา จีนประกาศยกเลิกมาตรการบังคับผู้ที่เดินทางเข้าประเทศให้กักตัวเฝ้าระวังอาการ โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 8 มกราคมของปีหน้าเป็นต้นไป โดยมาตรการนี้ถือเป็นเหมือนส่วนสุดท้ายของนโยบายคุมเข้ม “โควิดเป็นศูนย์” และนำมาซึ่งจุดสิ้นสุดของการดำเนินแผนงานปิดพรมแดนที่เข้มงวดที่สุดแผนหนึ่งในโลกด้วย
ท่าทีดังกล่าวของรัฐบาลปักกิ่งนำมาซึ่งความปีติยินดีของประชาชนชาวจีนถ้วนหน้า และหลายคนเริ่มทำการจองเที่ยวบินระหว่างประเทศกันอย่างเร่งด่วน ส่งผลให้ราคาตั๋วเครื่องบินพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วทันที
อย่างไรก็ดี รายงานข่าวระบุว่า โรงพยาบาลและฌาปนสถานทั่วจีนยังคงตกอยู่ในภาวะงานล้นมือโดยเฉพาะจากกลุ่มผู้สูงอายุที่เข้ามาใช้บริการกันอย่างมากมาย
ผู้สื่อข่าวเอเอฟพี รายงานว่า ในวันพุธ มีผู้ป่วยโควิดที่ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุหลายสิบรายนอนรอการรักษาอยู่ในเปลล้นห้องฉุกเฉินในโรงพยาบาลทั่วเมืองเทียนจิน ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงปักกิ่งราว 140 กิโลเมตร
แพทย์รายหนึ่งบอกกับผู้สื่อข่าวว่า เจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์นั้น “น่าจะต้อง” ทนทำงานต่อไปแม้จะมีผลตรวจโควิด-19 เป็นบวกก็ตาม
ขณะเดียวกัน หลายประเทศแสดงความกังวลเกี่ยวกับความน่าจะเป็นของการพบเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ในช่วงเวลาที่จีนยังคงพยายามรับมือกับการแพร่ระบาดที่พุ่งสูงรุนแรงที่สุดในโลกอยู่
เมื่อวันพุธ สหรัฐฯ เตรียมประกาศให้ผู้ที่เดินทางจากจีนเข้ามายังสหรัฐฯ ต้องแสดงผลตรวจโควิดแบบ PCR ที่เป็นลบ แต่มีข้อยกเว้นสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี โดยมาตรการนี้จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 5 มกราคมปีหน้า
ท่าทีของรัฐบาลกรุงวอชิงตัน สอดรับกับหลายประเทศเช่น ญี่ปุ่น อินเดีย ไต้หวัน อิตาลี และมาเลเซีย ที่ประกาศบังคับให้ผู้ที่เดินทางมาจากจีนต้องตรวจ PCR ก่อนเข้าประเทศเช่นกัน
หวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวในวันพุธว่า “ปัจจุบัน สถานการณ์การระบาดในจีนโดยทั่วไปอยู่ในทิศทางที่พอจะคาดการณ์ได้และอยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว” และพูดเกี่ยวกับรายงานของสื่อตะวันตกเกี่ยวกับภาวระบาดโควิดในจีนว่าเป็น “การมีอคติอย่างเต็มตัว” พร้อมกล่าวว่า “การออกมาพูดเกินจริง การป้ายสีและการบีบบังคับทางการเมืองด้วยเจตนาแอบแฝงนั้นไม่สามารถอยู่เหนือความจริงไปได้”
นับตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี 2020 ผู้ที่เดินทางเข้าจีนมาจากต่างประเทศต้องเข้าสู่กระบวนการกักตัวเฝ้าระวังอาการของรัฐบาล โดยมีการปรับลดระยะเวลาการแยกตัวจากเดิม 3 สัปดาห์ เป็น 1 สัปดาห์ มาเหลือ 5 วันในเดือนที่แล้ว
สำหรับสถานการณ์การระบาดของจีนที่พุ่งสูงในช่วงนี้เกิดขึ้นไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่จีนจะฉลองเทศกาลวันตรุษจีนในเดือนหน้า ซึ่งเป็นช่วงที่ประชาชนหลายร้อยล้านคนจะเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดทั่วประเทศกัน
ทั้งนี้ ทางการจีนกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า ภายใต้ภาวการณ์ระบาดของโควิดในปัจจุบัน “เป็นไปไม่ได้แล้ว” ที่จะติดตามและชี้ชัดว่า การเสียชีวิตของผู้ป่วยรายใดเกิดขึ้นจากโคโรนาไวรัสจริง
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของจีนรายงานในวันพุธว่า พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ใหม่ 5,231 คน โดยมีผู้เสียชีวิต 3 คน ซึ่งเป็นตัวเลขที่เชื่อกันว่า ต่ำกว่าความเป็นจริงอย่างมาก เนื่องจากรัฐบาลไม่ได้บังคับให้ประชาชนต้องรายงานการติดเชื้อของตนต่อทางการแล้ว
- ที่มา: เอเอฟพี และวีโอเอ