สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า รัฐบาลกรุงปักกิ่งเปิดเผยในวันจันทร์ว่าจะยังไม่แสดงความยินดีต่อนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ เนื่องจากต้องการปฏิบัติตามธรรมเนียมทางการทูต แม้ว่าผู้นำทั่วโลกต่างทยอยแสดงความยินดีไปแล้วก่อนหน้านี้
จนถึงขณะนี้ยังคงไม่มีสาส์นใด ๆ ออกมาจากประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง ที่เกี่ยวกับผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ หลังจากที่นายไบเดนเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะจากการได้จำนวนผู้แทนการเลือกตั้งเกิน 270 คนเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่าทางการจีนได้รับทราบแล้วว่านายไบเดนได้ประกาศชัยชนะในการเลือกตั้ง แต่จีนจะยังคงเฝ้ารอการประกาศผลอย่างเป็นทางการตามกระบวนการทางกฎหมายของสหรัฐฯ
ย้อนกลับไปเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ปธน.สี ได้ส่งข้อความแสดงความยินดีต่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทันทีในวันที่ 9 พฤศจิกายน ค.ศ. 2016 หนึ่งวันหลังการเลือกตั้งจบลง
ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ถือว่าตกต่ำที่สุดในรอบหลายสิบปี จากกรณีสงครามการค้า การประท้วงในฮ่องกง และการระบาดของโคโรนาไวรัส รวมทั้งมาตรการลงโทษต่าง ๆ ที่รัฐบาลทรัมป์นำมาใช้กับกรุงปักกิ่ง
และแม้คาดกันว่านาบไบเดนจะยังคงมีนโยบายที่แข็งกร้าวต่อจีน แต่ก็มีแนวโน้มจะใช้วิธีการที่ต่างออกไป คือเน้นที่การกดดันผ่านประชาคมโลกและแนวทางแบบพหุภาคีมากกว่า
บรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ โกลบอลไทมส์ ของทางการจีน ทวีตข้อความว่า จีนไม่รีบแสดงความยินดีต่อชัยชนะไบเดนเหมือนกับประเทศตะวันตกอื่น ๆ เพราะต้องการรักษาระยะห่างกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เนื่องจากไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับเสียงวิจารณ์และข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้น ซึ่งถือเป็นการแสดงความเคารพต่อสหรัฐฯ
ขณะที่บทบรรณาธิการของ ไชน่าเดลี ระบุว่า การพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสหรับฯ กับจีน สามารถทำได้ผ่านการเจรจาทางการค้าเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความเข้าอกเข้าใจของทั้งสองฝ่ายให้กลับคืนมา
ขณะที่ในสื่อสังคออนไลน์ เว่ยโป๋ ของจีน แฮชแท็ก #BidenSpeaksToTheWholeCountry# และ #Trump will lose special Twitter protections in January# ได้กลายเป็นเทรนด์ยอดนิยมบนสื่อดังกล่าวในขณะนี้