ที่ท่าอากาศยานเซี่ยงไฮ้ หงเฉียว เปิดให้มีการเช็คอินอัตโนมัติโดยการใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเปิดตัวระบบจดจำใบหน้าในประเทศจีน เรื่องนี้ก่อให้เกิดความกังวลในเรื่อง ของความเป็นส่วนตัว สืบเนื่องมาจากการที่ปักกิ่งพยายามที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำระดับโลกทางด้านนี้
สำนักงานการบินพลเรือนของประเทศจีนเผยว่า ท่าอากาศยานนานาชาติเซี่ยงไฮ้ หงเฉียว เปิดตัวตู้สำหรับการเช็คอินเที่ยวบินและสัมภาระ ซึ่งยังช่วยเจ้าหน้าที่ตรวจสอบความปลอดภัยก่อนขึ้นเครื่องเนื่องจากมีการใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าเข้ามาช่วย
สนามบินหลายๆ แห่งในจีนเริ่มใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้ากันแล้ว เพื่อช่วยให้ระบบตรวจสอบความปลอดภัยดำเนินไปอย่างรวดเร็ว แต่ระบบที่เซี่ยงไฮ้เริ่มใช้เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เป็นระบบอัตโนมัติ ครบวงจรที่มีใช้เป็นแห่งแรกในประเทศ
นาย Zhang Zheng ผู้จัดการทั่วไปของแผนกบริการภาคพื้นดินสายการบิน Spring Airlines กล่าวว่า นับเป็นครั้งแรกที่ประเทศจีนเปิดใช้ระบบเช็คอินอัตโนมัติครบวงจร ซึ่งผู้โดยสารดำเนินการเองทุกขั้นตอน สายการบิน Spring Airlines เป็นสายการบินแรกที่นำระบบนี้ไปใช้ที่สนามบินหงเฉียว และในตอนนี้มีเพียงผู้ถือบัตรประจำตัวประชาชนจีนเท่านั้นที่สามารถใช้เทคโนโลยีนี้ได้
สายการบิน Spring Airlines ให้ข้อมูลว่า 87% ของผู้โดยสาร 5,017 คนที่เดินทางกับสายการบิน ของตนเมื่อวันจันทร์ใช้ตู้บริการตัวเอง ซึ่งสามารถลดเวลาในการเช็คอินเหลือเพียงไม่ถึงหนึ่งนาที ครึ่งต่อคนเท่านั้นเอง
ส่วนที่จีนแผ่นดินใหญ่ นำระบบจดจำใบหน้ามาใช้ในชีวิตประจำวัน เช่นเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ระบบ จดจำใบหน้าเพื่อระบุตัวผู้ที่รัฐบาลจับตามองท่ามกลางหมู่ฝูงชน ตลอดจนจับกุมกลุ่มคนที่ไม่ข้ามถนนตรงทางข้าม และรัฐบาลจีนกำลังพยายามพัฒนาระบบข้อมูลกล้องวงจรปิดระดับชาติอีกด้วย
ปัจจุบัน สื่อจีนรายงานข่าวอยู่บ่อยครั้งเกี่ยวกับการใช้งานระบบจดจำใบหน้าที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เช่น ที่ร้าน KFC ในเมืองหางโจว ที่อยู่ใกล้ๆ กับนครเซี่ยงไฮ้นำเทคโนโลยีจดจำใบหน้ามาใช้เวลาลูกค้าจ่ายเงิน และบางโรงเรียนใช้กล้องตรวจจับใบหน้าเพื่อดูปฏิกิริยาของนักเรียนในชั้นเรียน ขณะที่ตู้เอทีเอ็มหลายร้อยตู้ในมาเก๊าติดตั้งอุปกรณ์จดจำใบหน้าเพื่อลดปัญหาการฟอกเงิน
อย่างไรก็ตาม ความสะดวกสบายที่เพิ่มขึ้นนี้ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายในประเทศตามมา ทั้งยังมีกฏข้อบังคับสำหรับรัฐบาลในเรื่องการใช้ข้อมูลทางด้านชีวภาพด้วย