เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้วศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคของสหรัฐฯ หรือ CDC ประกาศแนวทางปฏิบัติใหม่ซึ่งลดข้อจำกัดเกี่ยวกับการสวมหน้ากากสำหรับคนอเมริกันที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว
โดยทางศูนย์ระบุว่าสองสัปดาห์หลังจากที่ได้วัคซีนเข็มที่สอง หรือหนึ่งเข็มในกรณีของวัคซีนของ Johnson & Johnson นั้น ผู้ได้รับวัคซีนครบถ้วนไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากทั้งในสถานที่ปิดหรือในที่โล่งแจ้ง ในที่ชุมนุมซึ่งมีผู้คน รวมทั้งไม่ต้องรักษาระยะห่างอย่างน้อย 6 ฟุตจากบุคคลอื่นอีกด้วย
แนวทางปฏิบัติใหม่ของ CDC ที่ว่านี้บ่งชี้ว่า CDC เชื่อว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนอย่างครบถ้วนและเวลาผ่านไปหลังจากนั้นแล้วสองสัปดาห์น่าจะมีภูมิต้านทานพร้อมจะช่วยปกป้องได้หากสัมผัสกับเชื้อโควิด-19 ซึ่งก็จะช่วยให้คนอเมริกันสามารถกลับไปใช้ชีวิตแบบเกือบปกติได้ เช่นสามารถเข้าไปในโรงภาพยนตร์หรือในโบสถ์โดยไม่ต้องสวมหน้ากาก ไม่ต้องสวมหน้ากากขณะที่ตัดผม หรือไม่ต้องสวมหน้ากากขณะที่นั่งอยู่ในร้านอาหารหรือสถานที่ปิดซึ่งใช้เครื่องปรับอากาศ เป็นต้น
อย่างไรก็ตามเนื่องจากขณะนี้มีคนอเมริกันเพียงราว 30% เท่านั้นที่ได้รับวัคซีนครบโดสและตัวเลขการติดเชื้อรายใหม่ในอเมริกาก็ยังอยู่ที่ระดับ 35,000 คนต่อวัน ซึ่งการติดเชื้อส่วนใหญ่เกิดขึ้นในสถานที่ปิดที่อากาศไม่ระบายถ่ายเท ศูนย์ CDC จึงมีข้อยกเว้นว่าหากกฎของรัฐบาลท้องถิ่นหรือรัฐบาลของรัฐระบุว่ายังต้องสวมหน้ากากสำหรับสถานที่บางแห่งอยู่ ผู้ที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้วก็ยังจะต้องสวมหน้ากากตามกฎของท้องถิ่นที่ว่านี้อยู่ต่อไป
คำแนะนำซึ่งยังมีข้อแม้ของศูนย์ CDC ดังกล่าวไม่รวมถึงการยกเว้นการสวมหน้ากากระหว่างการเดินทาง ซึ่งก็หมายถึงว่าผู้โดยสารเครื่องบิน รถไฟ รถโดยสารและผู้ที่อยู่ในศูนย์กลางหรือสถานีขนส่งต่างๆ เหล่านี้ยังจะต้องสวมหน้ากากอยู่เหมือนเดิม รวมทั้งที่โรงเรียนและในค่ายฤดูร้อนด้วย
คำประกาศแนวทางใหม่เรื่องการสวมหน้ากากสำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีน โควิด-19 ครบโดสแล้วนี้ทำให้เกิดข้อถกเถียงในหมู่ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข โดยฝ่ายหนึ่งเห็นว่าการผ่อนคลายข้อจำกัดจะช่วยกระตุ้นให้ผู้คนยอมฉีดวัคซีนมากขึ้นขณะที่อีกฝ่ายกลับมองว่าการผ่อนผันเรื่องนี้จะเป็นเหตุผลหรือแรงเสริมให้ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับวัคซีนและต่อต้านหน้ากากเป็นทุนเดิมอยู่แล้วยิ่งไม่ร่วมมือมากขึ้น แต่ก็เห็นได้ว่าศูนย์ CDC ของสหรัฐฯ ถูกกดดันมาหลายสัปดาห์แล้วให้เร่งผ่อนคลายแนวทางปฎิบัติเพื่อช่วยสร้างแรงจูงใจให้คนยอมฉีดวัคซีนและกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างเกือบปกติมากขึ้น
อย่างไรก็ตามถึงแม้ศูนย์ CDC จะมีมาตรการผ่อนคลายเรื่องหน้ากากออกมาแต่คนอเมริกันบางคนก็ยังเลือกที่จะสวมหน้ากากต่อไปแม้จะได้วัคซีนครบแล้ว อย่างเช่นคุณแจน เเมสซีซึ่งบอกว่าประโยชน์ที่ได้จากการสวมหน้ากากนั้นมีมากกว่าการถอดทิ้งไม่ว่าอากาศจะร้อนขนาดไหนก็ตาม และบางคนก็ยังกังวลเกี่ยวกับเชื้อที่กลายพันธุ์และโอกาสที่อาจติดได้หากไม่สวมหน้ากาก หรืออย่างคุณวาเนสซา ลี ซึ่งตัวเธอเองเป็นนักระบาดวิทยานั้นก็บอกว่าเธอสวมหน้ากากจนเป็นนิสัยแล้ว และขณะนี้การเดินทางระหว่างประเทศได้เริ่มกลับมาอีกครั้งซึ่งก็ทำให้ความเสี่ยงของการแพร่เชื้อสายพันธุ์ต่างๆ เพิ่มขึ้นตามไปด้วย เธอจึงยังไม่อยากสละหน้ากากเร็วเกินไป
แต่กรณีที่อาจจะน่าสนใจและตัดสินใจยากที่สุดนั้นคงจะเป็นของคุณราเควล มิชเชลที่ติดเชื้อโควิด-19 เมื่อปลายปีก่อนและฟื้นตัวแล้ว แต่เธอยังไม่ยอมรับวัคซีนเพราะไม่ไว้วางใจในกระบวนการพัฒนาที่เร็วเกินไป อย่างไรก็ตามเธอก็ยังสวมหน้ากากรวมทั้งยังระวังตัวแบบอื่นอยู่ เช่นทานอาหารเฉพาะในที่โล่งและใช้ช้อนส้อมพลาสติกหรือเตรียมของเธอมาเอง โดยเธอยอมรับว่าคำถามที่ว่าควรจะเลิกสวมหน้ากากเมื่อไหร่นั้นเป็นเรื่องที่ตอบยากมากทีเดียวสำหรับเธอ