ยอดซื้อรถใหม่ในสหรัฐฯพุ่งหลังเฮอร์ริเคนถล่ม
ถือเป็นฟ้าหลังฝนสำหรับธุรกิจยานยนต์ เมื่อยอดขายรถยนต์ในเดือนกันยายนที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้น อันเป็นผลพวงมาจากเฮอร์เคน “ฮาร์วีย์” และ “เออร์มา” ที่พัดถล่มสหรัฐฯ ต่อเนื่องในช่วงเดือนก่อน
โดยพื้นที่ที่ทำยอดขายสูงสุดคือจุดที่ได้รับผลกระทบจากเฮอร์ริเคน ทั้งรัฐเท็กซัส และรัฐฟลอริดา ที่มีการประเมินว่า มีรถยนต์ที่เสียหายและถูกทำลายจากเฮอร์ริเคน “ฮาร์วีย์” เกือบ 5 แสนคัน และจากเฮอร์ริเคน “เออร์มา” อีก 2 แสนคัน
General Motors บริษัทรถยนต์อันดับ 1 ของสหรัฐฯ ทำยอดขายเพิ่มขึ้น 12% Toyota Motor มียอดขายเพิ่มขึ้น 15% Honda Motor ยอดขายเพิ่มขึ้น 7% Ford Motor เพิ่มขึ้น 8.7% และ Nissan Motor ทำยอดขายเพิ่มขึ้น 9.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
เกือบครึ่งเป็นรถกระบะและ Crossover และยอดขายส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในรัฐเท็กซัส เฉพาะ Houston มียอดขายรถใหม่เพิ่มขึ้น 109% ภายใน 3 สัปดาห์หลังเฮอร์ริเคนถล่ม
ทาง Michelle Krebs นักวิเคราะห์ตลาดยานยนต์จากเว็บไซต์ขายรถยนต์ออนไลน์ Autotrader ออกมาคาดการณ์ว่า นี่เป็นการเติบโตขึ้นครั้งแรกในรอบปี 2017 หลังจากซบเซามานาน 7 ปี แต่การเติบโตเช่นนี้จะเกิดขึ้นในระยะสั้น เนื่องจากตลาดรถยนต์ยังประสบปัญหา Oversupply อยู่
ขณะที่นักวิเคราะห์จาก Kelly Blue Book ระบุว่า ตลาดรถใหม่ไม่ได้สดใสอย่างที่คิด เพราะระดับราคาเฉลี่ยของรถใหม่นั้นเพิ่มขึ้นเพียง 0.4%
สองเจ้าพ่อวอลล์สตรีทโจมตีนโยบายภาษี ‘ทรัมป์’
หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ประกาศร่างกฏหมายภาษีใหม่ ที่เรียกได้ว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์กับคนชั้นกลาง ร้อนถึง 2 เจ้าพ่อแห่งวอลล์สตรีท Warren Buffet และ Larry Fink ที่มองว่า การปรับลดภาษีนิติบุคคลลงไปเป็น 20% จาก 35% นั้นไม่ได้ช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้กับธุรกิจอเมริกัน
ทั้งนี้ Buffet จี้ไปที่การยกเลิกภาษีมรดกที่เขามองว่าเป็นความผิดพลาดอันใหญ่หลวง เพราะถือเป็นการช่วยเหลือคนร่ำรวยโดยไม่จำเป็น
ส่วนฝั่งของ Fink ฟันธงว่าการปฏิรูปภาษีของทรัมป์จะไม่ผ่านการพิจารณาของสภาสหรัฐฯ หากมีการยื่นเสนอแผนยกเลิกข้อลดหย่อนภาษีในระดับรัฐและท้องถิ่นขึ้นมาอีก