IMF เตือนเมฆหมอกมืดครึ้มเหนือเศรษฐกิจโลกกำลังก่อตัว
คริสตีน ลาการ์ด กรรมการผู้จัดการใหญ่ของ IMF มีคำเตือนที่พาดพิงถึงนโยบายการค้า “America First” หรืออเมริกาต้องมาก่อนของประธานาธิบดีทรัมป์ว่า ขณะนี้เมฆหมอกที่ปกคลุมเศรษฐกิจโลกกำลังมืดครึ้มมากขึ้นทุกวัน
คำเตือนดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ผู้นำของสหรัฐฯ ถอนตัวจากการลงนามในแถลงการณ์ร่วมของผู้นำกลุ่ม G7 ที่แคนาดาในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแถลงการณ์ของผู้นำประเทศอื่นๆ ในกลุ่ม G7 นี้ระบุถึงความจำเป็นที่ต้องมีการค้าที่เสรีและเป็นธรรม และเป็นประโยชน์ซึ่งกันและกัน รวมทั้งเน้นเรื่องความสำคัญของการต่อสู้กับนโยบายปกป้องผลประโยชน์ด้านการค้าเฉพาะตนด้วย
แต่ประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งได้ประกาศขึ้นภาษีสินค้าเข้าหลายชนิด ไม่พอใจที่สหรัฐฯ เสียเปรียบดุลการค้าจำนวนมหาศาลกับประเทศพันธมิตร และได้ทวีตเมื่อวันจันทร์ว่า ขณะนี้การค้าเสรีควรถูกเรียกว่าการค้าที่โง่เขลาแทน หากไม่เป็นการค้าที่ได้รับการปฏิบัติสนองตอบอย่างทัดเทียมกัน
อย่างไรก็ตาม คริสตีน ลาการ์ด กรรมการผู้จัดการใหญ่ของ IMF มีคำเตือนซึ่งดูจะพาดพิงเป็นนัยถึงนโยบายการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์ ว่าปัญหาท้าทายของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ คือความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจที่กำลังถูกทำลายลง
IMF คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวขึ้น 3.9% ในปีนี้และปีหน้า แต่ก็เตือนว่ากลุ่มเมฆหมอกหนาทึบตามแนวขอบฟ้าที่เริ่มก่อตัวขึ้นเมื่อหกเดือนที่แล้ว กำลังหนาตัวขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
'ทรัมป์' ทวีตว่าสหรัฐฯ จะไม่ยอมทนถูกเอาเปรียบด้านการค้า
ประธานาธิบดีทรัมป์ทวีตเมื่อวันจันทร์ โจมตีประเทศคู่ค้าของสหรัฐฯ โดยเฉพาะยุโรปและแคนาดา ประกาศว่าสหรัฐฯ จะไม่ยอมทนต่อการถูกเอาเปรียบด้านการค้าอีกต่อไป และว่าขณะนี้สหรัฐฯ เป็นผู้รับผิดชอบงบประมาณเกือบทั้งหมดขององค์การนาโต้ แต่ประเทศสมาชิกอื่นๆ ของนาโต้กลับเอาเปรียบสหรัฐฯ ด้านการค้า
ประธานาธิบดีทรัมป์ตั้งคำถามด้วยว่า เหตุใดตนในฐานะผู้นำสหรัฐฯ จึงควรปล่อยให้ประเทศคู่ค้าเหล่านี้ได้เปรียบดุลการค้าจำนวนมหาศาลอย่างที่เป็นมาหลายสิบปีอยู่ต่อไป ขณะที่เกษตรกร คนงาน และผู้จ่ายภาษีของสหรัฐฯ กลับต้องรับภาระจำนวนมากอย่างไม่เป็นธรรม และเตือนด้วยว่าความเปลี่ยนแปลงกำลังจะเกิดขึ้น