ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ร่วง 300 จุด เชื่อนักลงทุนขาดความมั่นใจในการเมืองอเมริกัน
ดัชนีหุ้นในสหรัฐฯ และค่าเงินดอลลาร์ ร่วงดิ่งลงในการซื้อขายในวันพุธ ซึ่งนักวิเคราะห์เชื่อว่าเป็นผลมาจากนักลงทุนขาดความมั่นใจในการเมืองอเมริกัน หลังจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ สั่งปลด ผอ. FBI นายเจมส์ โคมี่ย์ ออกจากตำแหน่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รวมทั้งข้อกล่าวหาว่าประธานาธิบดีทรัมป์กำลังพยายามสกัดกั้นการสืบสวนกรณีรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และการที่ประธานาธิบดีทรัมป์แบ่งปันข้อมูลลับด้านความมั่นคงให้กับเจ้าหน้าที่ของรัสเซีย
นอกจากนี้ ความพยายามถอดถอนและแทนที่กฎหมายประกันสุขภาพ “โอบาม่าแคร์” ก็สั่นคลอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ ดัชนีหุ้นในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นสถิติใหม่หลังจาก โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่ง และสัญญาว่าจะลดภาษีและกฎเกณฑ์ต่างๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
หนี้ภาคครัวเรือนในสหรัฐฯ เพิ่มสูงสุดเป็นสถิติใหม่
หนี้ภาคครัวเรือนของครอบครัวชาวอเมริกัน เพิ่มขึ้นอยู่ในระดับสูงที่สุดเป็นสถิติใหม่ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้
รายงานของระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ ชี้ว่า ในช่วงสามเดือนแรกของปี หนี้ภาคครัวเรือนในสหรัฐฯ อยู่ที่ระดับ 12,730,000 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าสถิติเดิมเมื่อปี ค.ศ. 2008 ราว 50,000 ล้านดอลลาร์ โดยหนี้เงินกู้เพื่อการศึกษาและเงินกู้ซื้อรถยนต์มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น ขณะที่เงินกู้ซื้อบ้านและหนี้บัตรเครดิตยังคงอยู่ในสัดส่วนใกล้เคียงกับเมื่อปี 2008
อย่างไรก็ตาม หากเทียบหนี้ภาคครัวเรือนกับขนาดเศรษฐกิจทั้งหมดของสหรัฐฯ แล้ว พบว่าปัจจุบันมีสัดส่วนลดลงกว่าเมื่อ 9 ปีที่แล้ว คือลดลงมาอยู่ที่ 67% ของ GDP จากระดับ 85% เมื่อปี 2008
รายงานชิ้นนี้ยังบอกด้วยว่า มีคนอเมริกันยื่นฟ้องล้มละลาย 203,000 คนในไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งเป็นจำนวนที่ต่ำที่สุดในรอบ 18 ปี