ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวที่ทำเนียบขาวว่าเบร็กซิต “จะฉีกประเทศต่างๆ ออกจากกัน” และว่าตนรู้สึกประหลาดใจว่าเหตุใดการเจรจาเรื่องนี้ถึงออกมาย่ำแย่ถึงขนาดนี้
โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า ตนได้เคยแนะนำนายกรัฐมนตรี เธเรซา เมย์ ของอังกฤษแล้ว ถึงเทคนิคการเจรจาให้สำเร็จ แต่เขาบอกว่าผู้นำอังกฤษไม่ฟังสิ่งที่เขาพูด
และเมื่อถูกนักข่าวถามว่า อังกฤษควรมีการจัดทำประชามติครั้งที่สองหรือไม่ หลังจากที่เมื่อ 3 ปีที่แล้วประชาชนส่วนใหญ่ต้องการให้เกิดเบร็กซิต ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า คงเป็นการไม่ยุติธรรมต่อผู้เป็นเสียงข้างมากในครั้งนั้น หากมีการโหวตอีกครั้ง
เป็นที่น่าสังเกตว่า ประธานาธิบดีทรัมป์แสดงทัศนะเหล่านี้อย่างเปิดเผย แม้ว่าในวันเดียวกันเขาระบุว่าจะสงวนท่าทีในการออกความคิดเห็นเรื่องเบร็กซิต
ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวด้วยว่า เมื่ออังกฤษออกจากสหภาพยุโรปเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว สหรัฐฯ กับอังกฤษจะสามารถเจรจาการค้าครั้งใหญ่กัน
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังขู่สหภาพยุโรปด้วยว่า อเมริกาอาจใช้มาตรการภาษีกับกลุ่มเศรษฐกิจนี้ ถ้าการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯมีปัญหา
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีถ้อยเเถลงเหล่านี้ ขณะที่เขาต้อนรับการเยือนของนายกรัฐมนตรีไอร์แลนด์ ลีโอ วาราดคาร์ ที่ห้องทำงานในทำเนียบขาว ตามประเพณีของช่วงเทศกาล St. Patrick’s Day ที่ผูกพันกับประวัติศาสตร์ไอร์เเลนด์
นักวิเคราะห์ที่สนับสนุนเบร็กซิต ไนลส์ การ์ดิเนอร์ แห่งสถาบัน Heritage Foundation กล่าวว่า ตนไม่รู้สึกแปลกใจถึงการเเสดงความเห็นของประธานาธิบดี ทรัมป์
เขากล่าวว่า ผู้นำสหรัฐฯ ย้ำเสมอมาว่าเบร็กซิตเป็นเงื่อนไขสำคัญของการเกิดการเจรจาการค้าเสรีฉบับใหม่ระหว่างสหรัฐฯ และอังกฤษ
ไนลส์ การ์ดิเนอร์ บอกว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่รัฐบาลอเมริกัน พร้อมด้วยนักการเมืองสหรัฐฯ เตรียมการมาอย่างรอบคอบเพื่อให้เกิดข้อตกลงการค้าที่ว่านี้
เขาคาดหมายว่าอาจเกิดความตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯและอังกฤษได้ภายในสิ้นปีนี้ ถ้าอังกฤษออกจากสหภาพยุโรปตามกำหนดในเดือนนี้
อย่างไรก็ตาม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอังกฤษลงมติในวันพฤหัสบดีขอให้ชะลอการแยกตัวออกจากยุโรปออกไปอีกสามเดือน จากเดิมที่กำหนดไว้วันที่ 29 มีนาคมนี้
ส่วน นายกฯ เมย์ ส่งสัญญาณแล้วว่า เธออาจจะพยายามผลักดันให้มีการลงมติในข้อตกลงฉบับที่สาม พร้อมยืนยันว่าจำเป็นต้องมีข้อตกลงรายละเอียดต่างๆ อย่างสมบูรณ์ ก่อนที่อังกฤษจะแยกตัวจากอียู