รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แอนโทนี บลิงเคน เดินทางไปยังตะวันออกกลางในวันจันทร์ เพื่อสานต่อการจัดทำข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว
ครั้งนี้ถือเป็นการเยือนตะวันออกกลางครั้งแรกของรัฐมนตรีบลิงเคนตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนมกราคม โดยเขาจะพบปะหารือกับนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ในนครเยรูซาเล็ม รวมทั้งรัฐมนตรีต่างประเทศของอิสราเอลและปาเลสไตน์ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการสร้างสันติภาพในกาซา
รัฐบาลสหรัฐฯ ยืนยันทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ปาเลสไตน์และสหประชาชาติเพื่อจัดหาความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมฉุกเฉินให้แก่กาซา รวมทั้งสนับสนุนให้เกิดความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อฟื้นฟูบูรณะกาซาด้วย
นอกจากเยือนอิสราเอลแล้ว รัฐมนตรีบลิงเคนยังจะเดินทางเยือนอียิปต์ เพื่อพบหารือกับประธานาธิบดีอับเดล ฟัตตาห์ เอล-ซีซี และรัฐมนตรีต่างประเทศอียิปต์ ซาเมห์ ชูกรีย์ ในฐานะที่อียิปต์ทำหน้าที่ตัวกลางไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสในปาเลสไตน์ในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งช่วยให้เกิดข้อตกลงหยุดยิงระหว่างทั้งสองฝ่าย
ต่อจากนั้น รัฐมนตรีต่างประเทสสหรัฐฯ จะเดินทางต่อไปยังกรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน เพื่อเข้าเฝ้ากษัตริย์อับดุลลาห์ รวมทั้งหารือกับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศของจอร์แดนด้วย
เมื่อวันอาทิตย์ รัฐมนตรีบลิงเคนกล่าวกับรายการ “This Week” ของสถานีโทรทัศน์เอบีซี ยืนยันจุดยืนอันหนักแน่นของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่มีต่อ “แนวทางสองรัฐ” ว่าเป็นวิธีแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ในระยะยาว ด้วยการยอมรับปาเลสไตน์เป็นประเทศที่มีการปกครองเป็นอิสระเคียงข้างกับอิสราเอล พร้อมระบุว่า สหรัฐฯ เชื่อว่าขณะนี้ถึงเวลาในการทำให้ชาวอิสราเอลและปาเลสไตน์มีสิทธิอย่างเท่าเทียมกัน
รัฐมนตรีบลิงเคนยังได้กล่าวตำหนิกลุ่มฮามาสที่ทำให้เกิดความขัดแย้งครั้งล่าสุด โดยบอกว่าเป็นการบ่อนทำลายประชาชนชาวปาเลสไตน์เอง
ความขัดแย้งครั้งล่าสุดระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ที่ว่านี้เกิดขึ้นหลังจากที่กลุ่มฮามาสยิงจรวดเข้าไปในดินแดนของอิสราเอลเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม จากข้อกล่าวหาว่าอิสราเอลละเมิดสิทธิของชาวปาเลสไตน์ในเยรูซาเล็ม การสู้รบที่ดำเนินเป็นเวลา 11 วันทำให้มีผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซ่าไปราว 230 คน ซึ่งในจำนวนนี้เป็นเด็ก 65 คน และมีอีก 12 คนที่เสียชีวิตในอิสราเอล และมีรายงานว่าชาวปาเลสไตน์มากกว่า 58,000 คนต้องอพยพลี้ภัย
ทั้งสองฝ่ายตกลงหยุดยิงเมื่อวันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคมที่ผ่านมา แต่ผู้เชี่ยวชาญบางคนชี้ว่า การหยุดยิงนี้มิได้แก้ปัญหาความขัดแย้งในระยะยาวเพื่อปูทางสู่การสร้างสันติภาพในดินแดนแถบนี้แต่อย่างใด