เป็นเวลากว่า 1 ศตวรรษแล้ว ที่ออสเตรเลียเชื่อว่า บิลบี้ หรือ กระต่ายอีสเตอร์ สัตว์พื้นเมืองขนาดเล็กที่มีกระเป๋าหน้าท้อง ได้สูญพันธุ์ไปจากรัฐนิวเซาท์เวลส์ ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ แต่วันนี้ ทีมนักวิทยาศาสตร์และนักอนุรักษ์ ได้ร่วมมือกันดำเนินโครงการพิเศษในพื้นที่ทะเลทรายขนาดใหญ่ห่างไกลผู้คน ห่างจากนครซิดนีย์ ราว 1,200 กิโลเมตร เพื่อขยายพันธุ์สัตว์ที่มีความบอบบางมากชนิดนี้แล้ว
การขยายพันธุ์ บิลบี้ ซึ่งเป็นสัตว์ถูกคุกคาม จำพวกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกลุ่ม Marsupial ซึ่งมีกระเป๋าหน้าท้องและมีหูคล้ายกระต่าย เกิดขึ้นภายใต้โครงการ The Wild Deserts ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง มหาวิทยาลัยแห่งนิวเซาท์ สวนสัตว์ Taronga Western Plainz ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ และรัฐบาลของรัฐนี้ โดยเลือกพื้นที่อันห่างไกล ของอุทยานแห่งชาติสเติร์ท (Sturt National Park) ขนาด 10,000 เฮกตาร์ หรือราว 39 ตารางกิโลเมตร พร้อมสร้างรั้วล้อมรอบเพื่อป้องกันสัตว์นักล่า อาทิ แมวป่าและสุนัขจิ้งจอก ไม่ให้เข้าใกล้ได้ ก่อนปล่อย บิลบี้จำนวน 10 ตัวที่เพาะขึ้นมาในพื้นที่กักกัน ให้ไปใช้ชีวิตตามธรรมชาติ
บิลบี้ เป็นสัตว์ที่หากินในเวลากลางคืน และมีที่อยู่อาศัยในโพรงใต้พื้นดิน ซึ่งมีลักษณะเป็นเหมือนก้นหอย เพื่อใช้หลบภัยจากสัตว์ต่างๆ รวมทั้งเพื่อหนีจากอุณหภูมิสูงในช่วงฤดูร้อนด้วย
นับตั้งแต่ช่วงปลายศตวรรษที่ 1700 ที่ยุโรปเข้าปกครองออสเตรเลีย เชื่อกันว่า ประชากรของ บิลบี้ หรือ กระต่ายอีสเตอร์ ลดลงไปถึงราว 80 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ภัยจากการถางที่และไฟป่า และการที่สัตว์อื่นๆ เช่น กระต่าย และสายพันธุ์รุกรานอื่นๆ แย่งอาหารจากบิลบี้ ทำให้สถานการณ์ของสัตว์ชนิดนี้ย่ำแย่ลงไปด้วย
เบ็ค เวสต์ นักนิเวศวิทยาของโครงการนี้ กล่าวว่า นอกจากการป้องกัน บิลบี้ จากสัตว์ผู้ล่าแล้ว ทุกฝ่ายหวังว่า จะสามารถสอนสัตว์หายากนี้ ให้รู้จักการเอาตัวรอดจากภัยอันตราจากสัตว์อื่น เพราะพื้นที่ของโครงการนั้น ติดอยู่กับที่อยู่ตามธรรมชาติของสัตว์นักล่า ซึ่งเจ้าหน้าที่อุทยานสามารถควบคุมความหนาแน่นของประชากรได้ เพื่อช่วยให้ บิลบี้ ปรับตัวในการเอาชีวิตให้รอดเมื่ออยู่ไปเรื่อยๆ
ทั้งนี้ มีการประเมินไว้ว่า แมวป่าที่อยู่ตามธรรมชาติในออสเตรเลียนั้นฆ่าสัตว์ท้องถิ่นไปถึงปีละ 1,400 ล้านตัว ขณะที่ปัจจุบัน มีบิลบี้ เหลืออยู่ตามธรรมชาติราว 9,000 ตัว ทั่วออสเตรเลีย
ด้วยความพยายามครั้งล่าสุดนี้ ประกอบกับโครงการอื่นๆ ที่ดำเนินมาก่อนหน้านี้ หลายฝ่ายคาดหวังที่จะช่วยพลิกฟื้นสถานการณ์ของ กระต่ายอีสเตอร์ พันธุ์หายาก ให้กลับมีจำนวนประชากรมากขึ้นให้และมีชีวิตอยู่ในธรรมชาติให้ผู้คนได้พบเห็นและชื่นชม โดยไม่ต้องไปที่สวนสัตว์เพียงอย่างเดียวอีกต่อไปในอนาคต