ในวันพฤหัสบดี ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ประกาศเพิ่มมาตรการควบคุมผู้ที่จะเดินทางเข้าประเทศ รวมทั้งเพิ่มการบริจาควัคซีนโควิดให้ประเทศอื่นอีก 200 ล้านโดสในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า
ประธานาธิบดีไบเดน ประกาศยุทธศาสตร์ใหม่ของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ในอเมริกาในขณะที่กำลังเข้าสู่ฤดูหนาว ภายหลังจากพบผู้ติดเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ โอมิครอน ที่รัฐแคลิฟอร์เนียและรัฐมินเนโซตา
แถลงการณ์ของทำเนียบขาวระบุว่า ผู้ที่จะเดินทางมายังสหรัฐฯ จะต้องมีผลตรวจโควิดเป็นลบในเวลาหนึ่งวันก่อนออกเดินทาง จากมาตรการเดิมที่ให้เวลาสามวัน โดยมาตรการใหม่นี้จะครอบคลุมถึงพลเมืองอเมริกันและชาวต่างชาติทั้งหมด
สำหรับข้อกำหนดเรื่องการสวมหน้ากากบนระบบขนส่งมวลชนต่าง ๆ รวมทั้งบนเครื่องบินนั้นยังมีผลบังคับใช้จนถึงวันที่ 18 มกราคมปีหน้า และจะขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 18 มีนาคม
ทำเนียบขาวระบุด้วยว่า รัฐบาลประธานาธิบดีไบเดนจะส่งมอบวัคซีนโควิด 200 ล้านโดสให้แก่ประเทศต่าง ๆ ในช่วง 100 วันจากนี้ และจะจัดโครงการให้ความรู้แก่ประชาชนอเมริกันอย่างทั่วถึงเกี่ยวกับวัคซีน เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนออกมาฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์มากขึ้น
นอกจากนี้ แผนดังกล่าวยังรวมถึงการจัดหาชุดตรวจโควิดฟรีแก่ประชาชนที่มีประกันสุขภาพ และจะมีการจัดตั้งคณะทำงานฉุกเฉินเพื่อช่วยโรงพยาบาลรับมือกับจำนวนผู้ป่วยโควิดที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงฤดูหนาวด้วย
ทางด้านนายแพทย์แอนโธนี เฟาชี่ ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติของสหรัฐฯ เน้นย้ำความสำคัญของการฉีดวัคซีนโควิด รวมทั้งฉีดเข็มบูสเตอร์ ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถช่วยป้องกันอาการป่วยรุนแรงจากการติดเชื้อไวรัสกลายพันธุ์โอมิครอนได้
พบผู้ติดเชื้อโอมิครอนรายที่สองในสหรัฐฯ
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าพบผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนรายที่สองในสหรัฐฯ ที่รัฐมินเนโซตา โดยผู้ติดเชื้อผู้นี้เพิ่งกลับจากการเดินทางไปร่วมประชุมที่นครนิวยอร์ก
เมื่อวันพุธ ทำเนียบขาวประกาศว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสกลายพันธุ์โอมิครอนรายแรกของสหรัฐฯ ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นนักเดินทางที่กลับมาจากแอฟริกาใต้เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน และตรวจพบเชื้อเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน โดยผู้ติดเชื้อผู้นี้ได้รับวัคซีนครบแล้วแต่ยังไม่ได้ฉีดเข็มบูสเตอร์ และมีอาการป่วย "เพียงเล็กน้อย"
เจ้าหน้าที่ระบุว่าได้ติดต่อไปยังทุกคนที่ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อโอมิครอนรายแรกในสหรัฐฯ ผู้นี้แล้ว ซึ่งทุกคนมีผลตรวจโควิดออกมาเป็นลบ
ทั้งนี้ สหรัฐฯ เป็นส่วนหนึ่งของ 24 ประเทศทั่วโลกที่พบผู้ติดเชื้อโอมิครอนแล้ว ในขณะที่หลายประเทศสั่งเพิ่มมาตรการควบคุมจำกัดผู้ที่เดินทางเข้าประเทศ นับตั้งแต่พบเชื้อไวรัสโอมิครอนในแอฟริกาใต้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
- ข้อมูลบางส่วนจากเอพีและรอยเตอร์