ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ได้ไถ่ชีวิตไก่งวงสองตัวซึ่งเป็นประเพณีก่อนเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้า หรือ Thanksgiving โดยกล่าวว่า ไก่งวงสีขาวทั้งสองตัวนั้นได้รับการคัดเลือกเพราะ “นิสัยใจคอ หน้าตา และน่าจะรวมถึงสถานะการฉีดวัคซีนของพวกมันด้วย”
ปธน.ไบเดน อารมณ์ดีเป็นพิเศษเมื่อปรากฎตัวต่อหน้าเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวและครอบครัวของพวกเขาที่สวน Rose Garden เพื่อไถ่ชีวิตเจ้า “พีนัทบัตเตอร์" และ “เจลลี” ไก่งวงจากรัฐอินเดียนา ที่ตั้งหน้าตั้งตากินอาหารของพวกมันอย่างตะกรุมตะกรามตลอดงาน
ในทุกปีจะมีไก่งวงหลายล้านตัวที่ถูกนำมาทำเป็นอาหารประจำเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้าของชาวอเมริกัน
ไก่งวงทั้งสองตัวที่รอดชีวิตในปีนี้มีตารางที่วุ่นวายพอสมควรในการมาเยือนกรุงวอชิงตัน นอกจากจะต้องปรากฎตัวต่อสื่อมวลชนแล้ว ยังต้องไปพบเจอสมาชิกสภาคองเกรสจากรัฐอินเดียนา บ้านเกิดของพวกมันอีกด้วย ก่อนที่จะเข้าพักในห้องสวีทที่โรงแรมหรู วิลลาร์ด โฮเทล (Willard Hotel)
หลังจากได้รับการไถ่ชีวิตแล้ว เจ้า “พีนัทบัตเตอร์" และ “เจลลี” จะได้ไปอยู่บ้านใหม่อันแสนสุขสบาย ที่ศูนย์วิจัยและศึกษาสัตวศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยเพอร์ดู (Purdue University) โดยทั้งสองจะอาศัยอยู่ในพื้นที่ปิด และสามารถเข้าถึงสนามหญ้าที่มีร่มเงา ตามการให้ข้อมูลของมหาวิทยาลัย
การไถ่ชีวิตไก่งวงเป็นประเพณีดั้งเดิมที่มีมาตั้งแต่สมัยประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์น โดยประธานาธิบดี จอร์จ เอช. ดับเบิลยู. บุช ได้ทำให้การไถ่ชีวิตไก่งวงเป็นส่วนหนึ่งของประเพณีของอเมริกันชนจนถึงทุกวันนี้ โดยไถ่ชีวิตไก่งวง 50 ตัวในปี ค.ศ.1989
นอกจากนี้การไถ่ชีวิตไก่งวงยังเปิดโอกาสให้ผู้นำสหรัฐฯ ได้ปล่อยมุกตลก ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นการล้อเลียนตัวเอง เพื่อเป็นการสร้างบรรยากาศให้เข้ากับเทศกาลวันหยุดที่กำลังจะมาถึง
ปธน.โจ ไบเดน กล่าวติดตลกว่า แทนที่ไก่งวงทั้งสองตัวนี้จะถูกทาด้วยน้ำมันเพื่อนำไปอบเป็นอาหารในเทศกาลขอบคุณพระเจ้า พวกมันกลับได้รับการ “บูส” ซึ่งหมายถึงการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ช็อต หรือฉีดวัคซีนเพิ่มเติมเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันแทน ซึ่งที่ผ่านมาการรณรงค์ให้มีฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 รวมทั้งวัคซีนบูสเตอร์ช็อต เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลของไบเดน