ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ออกโรงโต้นักลงทุนวอลล์สตรีทและพรรครีพับลิกัน พร้อมปกป้องแผนงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดปัจจุบันอย่างเต็มที่ ต่อหน้าสมาชิกสหภาพแรงงานนับพันคนในนครฟิลาเดลเฟีย เพื่อหวังกระตุ้นคะแนนนิยมที่ตกฮวบเนื่องจากภาวะเงินเฟ้อพุ่งสูงและกระแสความกลัวว่า สหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในเร็ว ๆ นี้ ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์
ปธน.ไบเดน ประกาศย้ำวันอังคารว่า รัฐบาลชุดนี้จะเดินหน้าพุ่งเป้านโยบายเรียกเก็บภาษีที่เหมาะสมจากบรรดาอภิมหาเศรษฐีและบริษัทขนาดใหญ่ทั้งหลายที่จ่ายภาษีน้อยกว่าความเป็นจริงเป็นมูลค่าหลายพันหลายหมื่นล้านดอลลาร์ต่อปี รวมทั้งจะดำเนินนโยบายเศรษฐกิจต่าง ๆ ที่มีเป้าหมายลดความเหลื่อมล้ำในประเทศด้วย
ภายใต้สภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน นักวิเคราะห์บางรายระบุว่า ความกังวลว่า ระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะยกระดับนโยบายการเงินที่เข้มข้นขึ้นเพื่อลดความร้อนแรงของเงินเฟ้อ เพิ่งส่งผลให้ดัชนีหลักทรัพย์ S&P ก้าวเข้าสู่ภาวะ “ตลาดหมี” หรือภาวะตลาดที่ดัชนีและราคาหลักทรัพย์ลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน โดยปริมาณการซื้อขายก็ลดลงไปด้วยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของสภาพเศรษฐกิจถดถอยก็เป็นได้
อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วอลล์สตรีทในวันอังคารกลับมาอยู่ในสภาพที่ดีขึ้น ด้วยระดับการติดลบที่ลดลงและมีการปรับขึ้นในดัชนีบางตัวแล้ว
แต่ภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งสูงและทิศทางการดำเนินนโยบายของ Fed ทำให้บรรดาผู้บริหารบริษัทชั้นนำหลายแห่ง เช่น JP Morgan ออกมาเตือนว่า สหรัฐฯ อาจจะเผชิญพายุเศรษฐกิจลูกใหญ่ในไม่ช้านี้แล้ว
และในประเด็นนี้ ปธน.ไบเดน ใช้โอกาสที่เดินทางไปพบสหภาพแรงงานที่นครฟิลาเดลเฟียในการแถลงเพื่อหวังคลี่คลายความกังวลด้วยการระบุว่า “ตลาดวอลล์สตรี่ไม่ได้เป็นผู้สร้างประเทศนี้ขึ้นมา (แต่เป็น)ชนชั้นกลางต่างหากที่สร้างประเทศนี้” พร้อมกล่าวเสริมว่า หากบรรดาผู้จัดการวาณิชธนกิจ (investment banker) ทั้งหลายเกิดประท้วงหยุดงานขึ้นมา เศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็จะไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากมายเลย
ทั้งนี้ พรรครีพับลิกันกล่าวหาว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายใต้แผน American Rescue Plan ที่มีมูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ของพรรคเดโมแครตนั้น คือ สาเหตุของภาวะเงินเฟ้อพุ่งจนเกินระดับสูงสุดในรอบ 40 ปีไปแล้ว
ก่อนการเยือนฟิลาเดลเฟียของผู้นำสหรัฐฯ ในวันอังคาร รอนนา แมคแดเนียล สมาชิกคณะกรรมการแห่งชาติรีพับลิกัน จากเพนซิลเวเนีย ออกมากล่าวว่า “เงินเฟ้อพุ่งสูง ราคาน้ำมันแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และการขาดแคลนนมผง คือ ส่วนหนึ่งของวิกฤตที่มาจากฝีมือของเขา (ปธน.ไบเดน)”
แต่ปธน.ไบเดนและสมาชิกพรรคเดโมแครตออกมาโต้คืนว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันสามารถทำให้อัตราว่างงานลดต่ำลงถึงจุดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และทำให้ธุรกิจสตาร์ทอัพขนาดเล็กและอัตราค่าจ้างกลับมาขยายตัวได้อีก โดยเฉพาะในส่วนของแรงงานรายได้ต่ำที่ได้รับผลกระทบจากการที่ธุรกิจหลายแห่งปิดตัวลงเพราะการระบาดใหญ่ของโควิด-16 ในสัดส่วนที่สูงกว่าแรงงานประเภทอื่น โดยทั้งหมดนี้คือสัญญาณที่ชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังแข็งแกร่งอยู่
เมื่อเดือนที่แล้ว สำนักงานงบประมาณคองเกรสประเมินว่า สหรัฐฯ จะขาดดุลงบประมาณลดลงอย่างมาก จนมาอยู่ที่ 1.036 ล้านล้านดอลลาร์ ในปีงบประมาณ 2022 จากระดับ 2.775 ล้านล้านดอลลาร์ในปีก่อนหน้า เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของรายได้และค่าใช้จ่ายเงินทุนที่ลดลง
-
ที่มา: รอยเตอร์
