นายกรัฐมนตรีอังกฤษบอริส จอห์นสัน พูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ โจ ไบเดน ในวันเสาร์ โดยระบุว่าอังกฤษพร้อมอย่างยิ่งที่จะจัดทำข้อตกลงการค้าฉบับใหม่กับสหรัฐฯ หลังจากการแยกตัวจากสหภาพยุโรปเสร็จสมบูรณ์แล้ว
นอกจากนี้ ทางการอังกฤษเปิดเผยว่า ผู้นำสหรัฐฯ และอังกฤษยังหารือกันในเรื่องการรับมือการระบาดของโควิด-19 การกลับเข้าร่วมของสหรัฐฯ ในสนธิสัญญากรุงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก รวมทั้งองค์การอนามัยโลก
ข้อตกลงการค้าฉบับใหม่ระหว่างประเทศพันธมิตรสองประเทศนี้ถือเป็นภารกิจสำคัญอันดับแรกของนายกฯ จอห์นสัน หลังจากแยกตัวออกจากอียูเมื่อต้นปีนี้ ขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯ ยังมิได้มีกำหนดการจัดทำข้อตกลงการค้าดังกล่าว เพราะต้องการมุ่งเน้นเรื่องการควบคุมการระบาดของโควิด-19 มากกว่า รวมทั้งการผลักดันมาตรการบรรเทาทุกข์จากโควิด-19 ชุดใหม่มูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์
บอริส จอห์นสัน ถือเป็นผู้นำประเทศคนที่สามที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน พูดคุยทางโทรศัพท์ด้วยหลังจากที่ทำพิธีปฏิญาณตนเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการเมื่อวันพุธที่แล้ว ต่อจากนายกรัฐมนตรีแคนาดา จัสติน ทรูโด และประธานาธิบดีเม็กซิโก แอนเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์
หารือประเด็นสำคัญกับผู้นำสองประเทศเพื่อนบ้าน
ประธานาธิบดีไบเดนพูดคุยกับผู้นำเพื่อนบ้านสองประเทศดังกล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยประธานาธิบดีโอบราดอร์กล่าวว่า นายไบเดนรับปากกับตนว่าจะจัดหาเงิน 4,000 ล้านดอลลาร์เพื่อแก้ปัญหาผู้อพยพ ด้วยการพัฒนาโครงการต่าง ๆ ในฮอนดูรัส เอลซัลวาดอร์ และกัวเตมาลา ซึ่งล้วนเป็นประเทศที่มีผู้อพยพจำนวนมากเดินทางผ่านเม็กซิโกไปยังพรมแดนติดกับสหรัฐฯ
ก่อนหน้านั้นในวันเดียวกัน ประธานาธิบดีไบเดนได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีแคนาดา จัสติน ทรูโด โดยผู้นำแคนาดาแสดงความผิดหวังที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อยกเลิกโครงการสร้างท่อส่งน้ำมัน Keystone XL จากแคนาดามายังรัฐเท็กซัสทางใต้ของสหรัฐฯ
นอกจากนี้ คาดว่าผู้นำสองประเทศยังหารือกันเรื่องความเป็นไปได้ที่แคนาดาจะซื้อวัคซีนโควิด-19 จากโรงงานของบริษัทไฟเซอร์ในรัฐมิชิแกนของสหรัฐฯ รวมทั้งประเด็นการค้า การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก และความตึงเครียดที่ทั้งสองประเทศมีต่อจีนจากกรณีคำสั่งแบนเทคโนโลยีของบริษัทหัวเหว่ย