ว่าที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ประกาศย้ำว่า สิ่งแรกที่ตั้งใจจะทำหลังการเข้ารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคมของปีหน้า คือการร้องขอให้ประชาชนชาวอเมริกันร่วมกันสวมหน้ากากเป็นเวลา 100 วันติดต่อกัน โดยไม่มีการบังคับใดๆ เพื่อหวังช่วยหยุดการระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่
สำนักข่าว Associated Press รายงานว่า ว่าที่ปธน.ไบเดน ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CNN ว่า ในวันปฏิญาณตนเข้ารับตำแหน่งนั้น ตนจะประกาศขอให้ประชาชนสวมหน้ากาก และหากทุกคนร่วมมือกันทำติดต่อกันได้ถึง 100 วัน ตนเชื่อว่าอัตราการติดเชื้อในประเทศจะลดลงอย่างชัดเจน
แผนงานดังกล่าวของว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐฯ ที่เปิดเผยออกมาในวันพฤหัสบดี เป็นจุดยืนที่ต่างจากนโยบายของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้แสดงความข้องใจเกี่ยวกับประโยชน์ของการสวมหน้ากากมาโดยตลอด และทำให้ประเด็นดังกล่าวกลายมาเป็นวาระการเมือง แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขหลายรายจะออกมายืนยันว่า การสวมหน้ากากป้องกันคือ วิธีที่ง่ายที่สุดวิธีหนึ่งในการรับมือกับการระบาด ซึ่งคร่าชีวิตชาวอเมริกันไปแล้วกว่า 277,000 คน
เท่าที่ผ่านมา ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ พยายามเน้นย้ำว่า การสวมหน้ากากป้องกันใบหน้า คือ หนึ่งในหน้าที่ของผู้ที่รักชาติ และในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง ยังได้เคยเสนอแนวคิดให้มีการคำสั่งให้ประชาชนต้องสวมหน้ากาก ก่อนที่จะออกมายอมรับว่า การทำเช่นนั้นอยู่นอกเหนือความสามารถของประธานาธิบดีที่จะทำได้
นอกจากนั้น ว่าที่ปธน.ไบเดน เปิดเผยด้วยว่า ตนจะเชิญ นายแพทย์ แอนโธนี เฟาชี่ อยู่ร่วมทีมงานรัฐบาลใหม่ ในตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติสหรัฐฯ ที่ดำรงมาตลอดหลายสิบปีต่อไป รวมทั้ง ในบทบาท “ที่ปรึกษาอาวุโสด้านการแพทย์” และสมาชิกทีมที่ปรึกษาด้านการรับมือโควิด-19 ของตน
ในส่วนของประเด็นวัคซีนต้านโควิด-19 นั้น ว่าที่ปธน.ไบเดน กล่าวว่า ตนรู้สึก “ยินดี” ที่จะรับการฉีดวัคซีนนี้ให้ประชาชนได้เห็นกับตา เพื่อช่วยลดความข้องใจและความกังวลเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความปลอดภัยของหลายฝ่าย เช่นเดียวกับที่ อดีตประธานาธิบดี 3 ราย อันได้แก่ อดีตปธน. บารัค โอบามา อดีตปธน. จอร์จ ดับเบิลยู บุช และ อดีตปธน.บิล คลินตัน ประกาศพร้อมรับการฉีดวัคซีนต่อหน้าสาธารณะแล้ว