ลิ้งค์เชื่อมต่อ

ไบเดนปราศรัยอำลาทำเนียบขาว ย้ำอเมริกาตอนนี้ดีกว่า 4 ปีก่อน


ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน กล่าวสุนทรพจน์อำลาตำแหน่งจากห้องทำงานที่ทำเนียบขาวในช่วงเย็นวันพุธตามเวลาในสหรัฐฯ ก่อนที่จะยุติหน้าที่ประธานาธิบดีในอีก 5 วันข้างหน้า ซึ่งเป็นวันเดียวกับพิธีปฏิญาณตนรับตำแหน่งของโดนัลด์ ทรัมป์

ในเอกสารที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ ปธน.ไบเดน กล่าวถึงวันเข้ารับตำแหน่งเมื่อ 4 ปีที่แล้วในช่วงที่กำลังเกิดการระบาดอย่างหนักของโควิด-19 รวมทั้งเหตุการณ์ผู้สนับสนุนทรัมป์บุกรุกอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2021

"สี่ปีก่อน เรายืนท่ามกลางฤดูหนาวแห่งภยันตราย และฤดูหนาวแห่งความเป็นไปได้" "แต่เรารวมกันเป็นหนึ่งเดียวในฐานะคนอเมริกันและเราฝ่าฟันมาได้ เราแข็งแรงขึ้นกว่าเดิม เรารุ่งเรืองขึ้น และเราปลอดภัยมากขึ้น" ไบเดนกล่าว

การกล่าวอำลาครั้งนี้ ถือเป็นสุนทรพจน์ครั้งที่ 5 ของไบเดนที่ทำเนียบขาวตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง โดยก่อนหน้านี้เมื่อ 6 เดือนที่แล้ว ไบเดนกล่าวสุนทรพจน์ที่ห้องทำงานแห่งเดียวกันนี้ เพื่อประกาศการตัดสินใจไม่ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยที่ 2 และสนับสนุนให้รองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส ลงแข่งแทน

ทำเนียบขาวจัดทำเอกสารแถลงผลงานของรัฐบาลไบเดน-แฮร์ริส อย่างละเอียด ทั้งด้านต่างประเทศและภายในประเทศ ซึ่งรวมถึงความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจจากการสร้างงาน 16.6 ล้านตำแหน่ง จีดีพีเพิ่มขึ้น 12.6% และเพิ่มความมั่งคั่งของครัวเรือนอเมริกันโดยเฉลี่ย 37%

เอกสารดังกล่าวยังเน้นย้ำการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน พลังงานสะอาด และอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ผ่านกฎหมาย Inflation Reduction Act และ CHIPS Act ที่ไบเดนเป็นผู้ลงนาม รวมทั้งการจัดเป็นภาษีอย่างเป็นธรรมที่ทำให้รัฐบาลไบเดนสร้าง "เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและยุติธรรมกว่าเดิม"

ในด้านการต่างประเทศ ไบเดนระบุว่า ตนพ้นจากตำแหน่งด้วยการช่วยให้รัฐบาลชุดต่อไปมีจุดยืนที่แข็งแรง มีพันธมิตรที่เข้มแข็งมากขึ้น ขณะที่ศัตรูอ่อนแอลง และ "อเมริกากลับมาเป็นผู้นำและสร้างเอกภาพแก่ประเทศต่าง ๆ อีกครั้ง"

ไบเดนยังกล่าวปกป้องนโยบายถอนทหารอเมริกันออกจากอัฟกานิสถานเมื่อปี 2021 ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่าสหรัฐฯ ทิ้งความวุ่นวายไว้ในอัฟกานิสถานหลังการทำสงครามอันยาวนาน และทำให้ทหารอเมริกัน 13 คนเสียชีวิตในการก่อการร้ายที่สนามบินกรุงคาบูลก่อนที่สหรัฐฯ จะถอนกำลังทั้งหมดออกมา

ทั้งนี้ ไบเดนพ้นจากตำแหน่งด้วยคะแนนรับรองผลการทำงาน 39% จากคนอเมริกัน อ้างอิงจากสำนักวิจัยแกลลัพ โดยในช่วงสัปดาห์ท้าย ๆ ก่อนลงจากตำแหน่ง ไบเดนได้ออกมาย้ำถึงผลงานของตนตลอด 4 ปีที่ผ่านมา

โธมัส ชวาร์ตส นักประวัติศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยแวนเดอร์บิลต์ (Vanderbilt University) กล่าวกับวีโอเอว่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับอเมริกาในอีก 4 ปีข้างหน้าภายใต้รัฐบาลทรัมป์จะส่งผลกระทบต่อเกียรติประวัติของไบเดนในช่วงที่ผ่านมาด้วย

"หากทรัมป์กลายเป็นหายนะ ไม่ว่าจะในทางเศรษฐกิจ หรือเกิดความวุ่นวายในโลกเนื่องจากความขัดแย้งใด ๆ ก็ตาม ไบเดนจะถูกจดจำในด้านที่ดีมากขึ้น" และ "หากทรัมป์กลายเป็นอันตรายต่อบรรทัดฐานทางประชาธิปไตยดังที่ไบเดนและพรรคเดโมแครตบอกไว้จริง ๆ ไบเดนก็อาจถูกมองว่าเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าได้" นักวิชาการผู้นี้กล่าว

ในทางกลับกัน ชวาร์ตสเชื่อว่า หากทรัมป์สามารถทำให้เศรษฐกิจอเมริกาเข้มแข็ง และบรรเทาความวุ่นวายในด้านการต่างประเทศของสหรัฐฯ ได้ ทรัมป์ก็อาจกลายเป็นประธานาธิบดีอเมริกันที่ได้รับการยอมรับในระดับเดียวกับโรนัลด์ เรแกน ได้เช่นกัน ในขณะที่ไบเดน "ก็จะไม่เป็นที่จดจำมากนัก"

  • ที่มา: วีโอเอ
XS
SM
MD
LG