รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯตั้งเป้าที่จะทำให้ราคาที่ดินภายใต้การดูเเลของรัฐบาลกลาง สามารถเข้าถึงได้มากขึ้นสำหรับผู้พัฒนาโครงการพลังงานลมและพลังงานเเสงอาทิตย์ตามรายงานของรอยเตอร์
ท่าทีดังกล่าวถูกสะท้อนในคำแถลงในวันอังคารโดยหน่วยงานบริหารจัดการที่ดินของกระทรวงกิจการภายในของสหรัฐฯ
ก่อนหน้านี้ตััวแทนของอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดพยายามล็อบบี้ให้ค่าเช่าที่ดินของรัฐมีราคาลดลง เพราะเห็นว่าราคาสูงเกินกว่าที่จะดึงดูดการลงทุน
กลุ่มผู้เเทนอุตสาหกรรมดังกล่าว บอกด้วยว่า ราคาที่สูงอาจนำไปสู่ความล้มเหลวของแผนภายใต้ประธานาธิบดีไบเดนในการต่อสู้กับปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงผิดธรรมชาติ
ทั้งนี้การกลับมาพิจารณาให้ค่าเช่าที่ดินรัฐลดลง เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามโดยรัฐบาลอเมริกันชุดนี้ ที่ต้องการรับมือปัญหาโลกร้อน ด้วยการเพิ่มปริมาณพลังงานสะอาดและลดปริมาณพลังงานถ่านหิน
ภายใต้นโยบายตั้งเเต่สมัยอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามาในปีค.ศ. 2016 ค่าเช่าที่ดินรัฐสำหรับโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ อยู่ที่ 971 ดอลลาร์ต่อ เอเคอร์ ต่อปี และผู้พัฒนาโครงการต้องมีค่าใช้จ่ายอีก 2,000 ดอลลาร์ ต่อปี ต่อเมกะวัตต์ สำหรับขนาดของการผลิตไฟฟ้า
โครงการไฟฟ้าพลังลมจ่ายค่าเช่าที่ดินตำ่กว่าแต่ค่าใช้จ่ายค่าธรรมเนียมสำหรับขนาดการผลิตไฟฟ้า มากกว่าโครงการพลังงานเเสงอาทิตย์ คืออยู่ที่ระดับ 3,800 ดอลลาร์ ต่อปี ต่อเมกะวัตต์
กลุ่มธุรกิจกล่าวว่า ค่าใช้จ่ายที่ถูกเรียกเก็บจากการใช้ที่ดินรัฐเเพงกว่าที่ดินเอกชน ซึ่งอยู่ที่ 100 ดอลลาร์ ต่อเอเคอร์ ต่อปี นอกจากนี้ยังไม่มีค่าธรรมเนียมสำหรับปริมาณผลิตไฟฟ้า
(ที่มา: รอยเตอร์)