แพทย์ใช้วัคซีนบีซีจีฉีดแก่เด็กในประเทสกำลังพัฒนาเพื่อป้องกันการติดเชื้อวัณโรคมานานแล้ว
แต่ในการทดลองรักษาในคนเมื่อเร็วๆนี้ ทีมนักวิจัยอเมริกันแห่งมหาวิทยาลัย Harvard Medical School พบว่าวัคซีนชนิดนี้สามา่รถช่วยกระตุ้นให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนอินซูลินในผู้ป่วยเบาหวานประเภทที่หนึ่ง ที่พบในเด็กและคนในวัยผู้ใหญ่ตอนต้น
ด็อกเตอร์เดนนีส ฟอสท์แมน หัวหน้าทีมวิจัยบอกว่าทีมวิจัยสามารถรักษาอาการเบาหวานชนิดที่หนึ่งในหนูทดลองได้สำเร็จ จากการทดลองรักษาในคนกลุ่มเล็กๆ ผลการรักษาเป็นที่น่าพอใจ
ด็อกเตอร์ฟอสท์แมนกล่าวว่าในการทดลองรักษา ทีมงานฉีดวัคซีนบีซีจีในปริมาณเล็กน้อยจำนวน 2 เข็ม เว้นระยะฉีดระหว่างเข็มแรกและเข็มสองห่างกัน 4 สัปดาห์ ทีมงานตรวจพบว่าวัคซีนสามารถกำจัดเซลภูมิต้านทานที่เป็นผลเสียต่อร่างกายและไปกระตุ้นให้ตับอ่อนเริ่มกลับไปผลิตฮอร์โมนอินซูลินในปริมาณเล็กน้อย
เบาหวานประเภทที่หนึ่งทำลายเซลผลิตอินซูลิน คนที่เป็นโรคนี้จะต้องคอยวัดระดับอินซูลินตลอดเวลาและทำการฉีดสารอินซูลินเพื่อควบบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
ด็อกเตอร์ฟอสท์แมน หัวหน้าทีมทดลองกล่าวว่าวัคซีนบีซีจีใช้ได้ผลในผู้ป่วยเพราะไปกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่เรียกว่า Tumor Necrosis Factor หรือ TNF
ด็อกเตอร์ฟอสท์แมนกล่าวว่าเป็นที่รู้กันมานานยี่สิบปีแล้วว่าคนที่ได้รับวัคซีนบีซีจี ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนทีเอ็นเอฟและฮอร์โมนตัวนี้เป็นสิ่งที่วงการแพทย์ต้องการ แต่เนื่องจากฮอร์โมนทีเอ็นเอฟไม่ใช่ยา ทีมงานจะใช้วิธีการฉีดวัคซีนตัวนี้เป็นช่วงๆเพื่อช่วยกระตุ้นการผลิตอินซูลินในร่างกายผู้ป่วยเบาหวานประเภทหนึ่งซึ่งเป็นเบาหวานแบบถาวร
วัคซีนบีซีจีมักส่งผลให้การตรวจหาเชื้อวัณโรคด้วยการทดสอบที่ผิวหนัง (skin test) เป็นผลบวก แต่ด็อกเตอร์ฟอส์ทแมนกล่าวว่าหากวัคซีนบีซีจีไม่ได้ผลในการบำบัดเบาหวานประเภทที่หนึ่ง อย่างน้อยผู้ที่ได้รับวัคซีนก็มีภูมิป้องกันเชื้อวัณโรคได้นานระยะเวลา
หนึ่ง
ด็อกเตอร์ฟอสท์แมน กล่าวปิดท้ายรายงานผู้สื่อข่าววีโอเอว่า ความท้าทายสำคัญในการพัฒนาวิธีการบำบัดผู้ป่วยเบาหวานประเภทหนึ่งด้วยวัคซีนบีซีจีให้ได้ประสิทธิภาพในระยะยาว คือ การระบุให้ได้ว่าควรใช้วัคซีนบีซีจีในปริมาณเท่าใดในการฉีดให้แก่ผู้ป่วย
แต่ในการทดลองรักษาในคนเมื่อเร็วๆนี้ ทีมนักวิจัยอเมริกันแห่งมหาวิทยาลัย Harvard Medical School พบว่าวัคซีนชนิดนี้สามา่รถช่วยกระตุ้นให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนอินซูลินในผู้ป่วยเบาหวานประเภทที่หนึ่ง ที่พบในเด็กและคนในวัยผู้ใหญ่ตอนต้น
ด็อกเตอร์เดนนีส ฟอสท์แมน หัวหน้าทีมวิจัยบอกว่าทีมวิจัยสามารถรักษาอาการเบาหวานชนิดที่หนึ่งในหนูทดลองได้สำเร็จ จากการทดลองรักษาในคนกลุ่มเล็กๆ ผลการรักษาเป็นที่น่าพอใจ
ด็อกเตอร์ฟอสท์แมนกล่าวว่าในการทดลองรักษา ทีมงานฉีดวัคซีนบีซีจีในปริมาณเล็กน้อยจำนวน 2 เข็ม เว้นระยะฉีดระหว่างเข็มแรกและเข็มสองห่างกัน 4 สัปดาห์ ทีมงานตรวจพบว่าวัคซีนสามารถกำจัดเซลภูมิต้านทานที่เป็นผลเสียต่อร่างกายและไปกระตุ้นให้ตับอ่อนเริ่มกลับไปผลิตฮอร์โมนอินซูลินในปริมาณเล็กน้อย
เบาหวานประเภทที่หนึ่งทำลายเซลผลิตอินซูลิน คนที่เป็นโรคนี้จะต้องคอยวัดระดับอินซูลินตลอดเวลาและทำการฉีดสารอินซูลินเพื่อควบบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
ด็อกเตอร์ฟอสท์แมน หัวหน้าทีมทดลองกล่าวว่าวัคซีนบีซีจีใช้ได้ผลในผู้ป่วยเพราะไปกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่เรียกว่า Tumor Necrosis Factor หรือ TNF
ด็อกเตอร์ฟอสท์แมนกล่าวว่าเป็นที่รู้กันมานานยี่สิบปีแล้วว่าคนที่ได้รับวัคซีนบีซีจี ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนทีเอ็นเอฟและฮอร์โมนตัวนี้เป็นสิ่งที่วงการแพทย์ต้องการ แต่เนื่องจากฮอร์โมนทีเอ็นเอฟไม่ใช่ยา ทีมงานจะใช้วิธีการฉีดวัคซีนตัวนี้เป็นช่วงๆเพื่อช่วยกระตุ้นการผลิตอินซูลินในร่างกายผู้ป่วยเบาหวานประเภทหนึ่งซึ่งเป็นเบาหวานแบบถาวร
วัคซีนบีซีจีมักส่งผลให้การตรวจหาเชื้อวัณโรคด้วยการทดสอบที่ผิวหนัง (skin test) เป็นผลบวก แต่ด็อกเตอร์ฟอส์ทแมนกล่าวว่าหากวัคซีนบีซีจีไม่ได้ผลในการบำบัดเบาหวานประเภทที่หนึ่ง อย่างน้อยผู้ที่ได้รับวัคซีนก็มีภูมิป้องกันเชื้อวัณโรคได้นานระยะเวลา
หนึ่ง
ด็อกเตอร์ฟอสท์แมน กล่าวปิดท้ายรายงานผู้สื่อข่าววีโอเอว่า ความท้าทายสำคัญในการพัฒนาวิธีการบำบัดผู้ป่วยเบาหวานประเภทหนึ่งด้วยวัคซีนบีซีจีให้ได้ประสิทธิภาพในระยะยาว คือ การระบุให้ได้ว่าควรใช้วัคซีนบีซีจีในปริมาณเท่าใดในการฉีดให้แก่ผู้ป่วย