กระทรวงการต่างประเทศอาเซอร์ไบจาน เปิดเผยว่า ทหารอาร์เมเนียได้ยิงปืนใหญ่ข้ามพรมแดนเข้ามาในเขตอาเซอร์ไบจาน บริเวณเมืองกานจา ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของอาเซอร์ไบจาน เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม
แถลงการณ์ของอาเซอร์ไบจานระบุด้วยว่า มีพลเมืองเสียชีวิต 7 ราย บาดเจ็บ 39 ราย รวมทั้งเด็ก ๆ หลายคน จากการโจมตีข้ามพรมแดนครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลของเขตปกครองตนเอง นากอร์โน-คาราบัคห์ ซึ่งเป็นพื้นที่ความขัดแย้งระหว่างอาเซอร์ไบจานกับอาร์เมเนีย ระบุว่าข้อกล่าวหาเรื่องการโจมตีด้วยปืนใหญ่จากอาร์เมเนียเข้าไปในเมืองกานจาของอาเซอร์ไบจานนั้นเป็นเรื่องโกหก
ข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอาร์เมเนียกับอาเซอร์ไบจานเริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาหลังการเจรจาของทั้งสองฝ่ายที่กรุงมอสโก เพื่อระงับความรุนแรงในแคว้นนากอร์โน-คาราบัคห์ ที่พยายามแยกตัวเป็นอิสระจากอาเซอร์ไบจาน
รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เก ลาฟรอฟ ผู้เป็นตัวกลางในการเจรจา ระบุว่าข้อตกลงสันติภาพนี้จะเป็นก้าวแรกไปสู่การเจรจาเพื่อหาทางออกเรื่องความขัดแย้งในพื้นที่ดังกล่าว
แคว้นนากอร์โน-คาราบัคห์ ซึ่งประชากรส่วนใหญ่มีเชื้อสายอาร์เมเนียน ประกาศตัวเป็นอิสระจากอาเซอร์ไบจานเมื่อปี ค.ศ. 1991 ระหว่างการล่มสลายของสหภาพโซเวียต นำไปสู่สงครามยืดเยื้อที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 30,000 คน ก่อนที่จะมีสนธิสัญญาหยุดยิงเมื่อปี ค.ศ. 1994
การต่อสู้รอบใหม่ระหว่างอาเซอร์ไบจานกับอาร์เมเนียเริ่มปะทุขึ้นเมื่อสองสัปดาห์ก่อน โดยทางองค์การสหประขาชาติแจ้งว่าได้รับรายงานที่ยังไม่มีการยืนยันว่า มีประชาชนเสียชีวิตจากการปะทะกันแล้วมากกว่า 50 คน รวมทั้งเด็กจำนวนมาก นอกจากนี้คาดว่ามีทหารทั้งสองฝ่ายเสียชีวิตรวมกันราว 400 คน และยังมีประชาชนที่ต้องอพยพย้ายถิ่นฐานอีกหลายพันคน