รัฐบาลออสเตรเลียร้องขอให้ประชาชนทำงานจากบ้านมากขึ้น และแนะนำให้มีการสวมหน้ากากป้องกันแม้จะอยู่ภายในอาคาร รวมทั้งเร่งรับวัคซีนบูสเตอร์สำหรับโควิด-19 โดยด่วน หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลพุ่งสูงใกล้สถิติล่าสุดแล้ว ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์
ในเวลานี้ ออสเตรเลียกำลังเผชิญหน้ากับการระบาดระลอกที่ 3 ของเชื้อโคโรนาไวรัสโอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 ซึ่งแพร่กระจายได้อย่างง่ายดาย จนทำให้มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นถึงกว่า 300,000 รายในช่วง 7 วันที่ผ่านมา โดยในวันพุธนั้น มีการพบผู้ติดเชื้อใหม่ 53,850 คน ซึ่งเป็นสถิติรายวันสูงที่สุดในรอบ 2 เดือน ขณะที่ ทางการออสเตรเลียเชื่อว่า ตัวเลขที่แท้จริงนั้นน่าจะสูงกว่าที่มีรายงานออกมาถึง 2 เท่า
ขณะเดียวกัน แอนโธนี อัลบานีส นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย พยายามที่จะไม่ประกาศบังคับใช้มาตรการควบคุมเข้มงวดเพื่อสู้กับการระบาดของโควิด-19 ซึ่งรวมถึง การบังคับให้ประชาชนสวมหน้ากากแม้เมื่ออยู่ภายในอาคาร แต่ก็แนะนำเชิงขอร้องให้มีการป้องกันตนเองด้วยวิธีนี้
นายกฯ อัลบานีส กล่าวด้วยว่า ธุรกิจต่าง ๆ และพนักงานต้องตัดสินใจร่วมกันว่า จะมีการดำเนินนโยบายทำงานจากบ้านหรือไม่และอย่างไร ขณะที่ สหภาพแรงงานทั้งหลายเรียกร้องให้นายจ้างช่วยลูกจ้างของตนให้มากกว่าที่ทำอยู่
พอล เคลลี่ นายแพทย์ใหญ่และที่ปรึกษาสูงสุดด้านสาธารณสุขออสเตรเลีย คาดการณ์ว่า จำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ที่จะต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลจะพุ่งขึ้นจนถึงระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเร็ว ๆ นี้ และร้องขอให้ภาคธุรกิจยินยอมให้พนักงานทำงานจากบ้านมากขึ้นด้วย
รอยเตอร์รายงานว่า ปัจจุบัน มีชาวออสเตรเลียที่ติดโควิด-19 และเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลอยู่ราว 5,350 คน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงสถิติล่าสุดที่ 5,390 คนซึ่งบันทึกได้เมื่อเดือนมกราคม
นอกจากจำนวนคนไข้ที่เพิ่มขึ้นแล้ว บุคลากรด้านสาธารณสุขในด่านหน้าจำนวนมากก็ตกเป็นเหยื่อโควิด-19 หรือไม่ก็ต้องทำการแยกตัวเฝ้าระวังอาการด้วย จึงทำให้การให้บริการด้านการแพทย์ของออสเตรเลียอยู่ในสภาพตึงตัวหนัก
- ที่มา: รอยเตอร์