รายงานชิ้นใหม่ของสหประชาชาติเตือนว่าการระบาดของเชื้อไวรัสเอชไอวีที่ก่อให้เกิดโรคเอดส์ในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก มาถึงจุดหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญมากเนื่องจากมีความคืบหน้าไม่มากนักในการลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา
รายงานนี้จัดทำโดยโครงการความร่วมมือสหประชาชาติด้านโรคเอดส์ (The Joint United Nations Programme on HIV/AIDS) ชี้ว่ามีคนติดเชื้อเอชไอวีที่เป็นสาเหตุของโรคเอดส์ทั่วภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกจำนวนสี่ล้านเก้าแสนคน ส่วนใหญ่อยู่ในอินเดีย จีน และ อินโดนีเซีย
รายงานนี้ชี้ว่าอัตราการติดเชื้อรายใหม่ได้ลดลงไปมากกว่า 25 เปอร์เซ็นต์ตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2544 หรือราวสิบสองปีที่แล้ว
อินเดีย พม่า เนปาล ปาปัวนิวกินี และประเทศไทย ต่างรายงานว่าได้ลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลงไปแล้วมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา แต่มีหลักฐานชี้ว่าเกิดการติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างมากในอินโดนีเซีย ปากีสถานและในฟิลิปปินส์
อัตราการติดเชื้อเอดส์รายปีในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกยังคงอยู่ที่สามแสนห้าหมื่นรายต่อปีมาตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2551
คุณสตีฟ ครอส ผู้อำนวยกาาร UNAIDS ประจำภาคพื้นเอเชียเเปซิฟิก กล่าวว่า ความสำเร็จในการลดการติดเชื้อรายใหม่ยังอยู่ที่เดิม ไม่ก้าวหน้ามากขึ้น เป็นอุปสรรคต่อความพยายามบรรลุเป้าหมายของสหประชาชาติในการลดอัตราการติดเชื้อรายใหม่และการเสียชีวิตจากไวรัสเอดส์ให้เป็นศูนย์
คุณครอส กล่าวว่าจำเป็นต้องคิดค้นหนทางใหม่ๆเพราะอัตราการติดเชื้อเอดส์รายใหม่ยังไม่ลดลงเลยในช่วงห้าปีที่ผ่านมา ต้องเรียกร้องให้ทางการให้จริงจังกับการแก้ปัญหาเนื่องจากกฏหมาย นโยบายและการปฏิบัติ มักกลายเป็นอุปสรรค ผู้ป่วยไม่สามารถเข้าถึงการรักษาบำบัดและโครงการป้องกันการติดเชื้อต่างๆกลับไม่เพิ่มขยายเพิ่มขึ้น
จำนวนผู้ติดเชื้อในภาคพื้นที่ได้รับยาต้านไวรัสได้เพิ่มขึ้นเป็นหนึ่งล้านสองแสนห้าหมื่นคน การเสียชีวิตจากโรคเอดส์ก็ได้ลดลงไป 18% ตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2548 ไปอยู่ที่สองแสนเจ็ดหมื่นรายเมื่อปีที่แล้ว
รายงานของสหประชาชาติชี้ว่ามีการระบาดของเอชไอวีสูงที่สุดในกลุ่มชายรักเพศเดียวกัน โดยประมาณว่ามีชายรักเพศเดียวกันเสี่ยงต่อการติดเชื้อราว 27 ล้านคน ในขณะเดียวการการติดเชื้อไวรัสเอชไอวีที่เพิ่มขึ้นในอินโดนีเชีย ปากีสถานและฟิลิปปินส์มีสาเหตุจากการใช้ยาเสพติดประเภทฉีดเข้าเส้น
คุณมาลู มาริน ผู้ประสานงานระดับภาคพื้นแห่งหน่วยงานพัฒนาเอกชน Seven Sisters กล่าวว่าประเด็นของการเลือกปฏิบัติและการเสียชีวิตจากโรคเอดส์ชี้ให้เห็นว่าผู้ออกนโยบายมีความคืบหน้าในการแก้ปัญหาเพียงเล็กน้อย
คุณมาลู มาริน กล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าประเทศต่างๆมีความคืบหน้าในด้านการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี แต่กลับไม่มีความคืบหน้าในด้านการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ออกนโยบายภาครัฐ ผู้นำทางการเมือง ตลอดจนเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งนี้เนื่องมาจากการขาดเงินทุนสนับสนุน ขาดการปฏิรูปทางกฏหมายและไร้ความมุ่งมั่นจากฝ่ายการเมือง
ผู้สื่อข่าววีโอเอที่กรุงเทพกล่าวปิดท้ายรายงานว่าบรรดาเจ้าหน้าที่สหประชาชาติเห็นความจำเป็นของการปฏิรูปทางกฏหมายในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของคนเพศเดียวกัน การลงโทษตามกฏหมายต่อผู้ขายบริการทางเพศและการควบคุมการย้ายถิ่นที่อยู่ของผู้ติดเชื้อเอดส์
รายงานนี้จัดทำโดยโครงการความร่วมมือสหประชาชาติด้านโรคเอดส์ (The Joint United Nations Programme on HIV/AIDS) ชี้ว่ามีคนติดเชื้อเอชไอวีที่เป็นสาเหตุของโรคเอดส์ทั่วภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกจำนวนสี่ล้านเก้าแสนคน ส่วนใหญ่อยู่ในอินเดีย จีน และ อินโดนีเซีย
รายงานนี้ชี้ว่าอัตราการติดเชื้อรายใหม่ได้ลดลงไปมากกว่า 25 เปอร์เซ็นต์ตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2544 หรือราวสิบสองปีที่แล้ว
อินเดีย พม่า เนปาล ปาปัวนิวกินี และประเทศไทย ต่างรายงานว่าได้ลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลงไปแล้วมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา แต่มีหลักฐานชี้ว่าเกิดการติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างมากในอินโดนีเซีย ปากีสถานและในฟิลิปปินส์
อัตราการติดเชื้อเอดส์รายปีในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกยังคงอยู่ที่สามแสนห้าหมื่นรายต่อปีมาตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2551
คุณสตีฟ ครอส ผู้อำนวยกาาร UNAIDS ประจำภาคพื้นเอเชียเเปซิฟิก กล่าวว่า ความสำเร็จในการลดการติดเชื้อรายใหม่ยังอยู่ที่เดิม ไม่ก้าวหน้ามากขึ้น เป็นอุปสรรคต่อความพยายามบรรลุเป้าหมายของสหประชาชาติในการลดอัตราการติดเชื้อรายใหม่และการเสียชีวิตจากไวรัสเอดส์ให้เป็นศูนย์
คุณครอส กล่าวว่าจำเป็นต้องคิดค้นหนทางใหม่ๆเพราะอัตราการติดเชื้อเอดส์รายใหม่ยังไม่ลดลงเลยในช่วงห้าปีที่ผ่านมา ต้องเรียกร้องให้ทางการให้จริงจังกับการแก้ปัญหาเนื่องจากกฏหมาย นโยบายและการปฏิบัติ มักกลายเป็นอุปสรรค ผู้ป่วยไม่สามารถเข้าถึงการรักษาบำบัดและโครงการป้องกันการติดเชื้อต่างๆกลับไม่เพิ่มขยายเพิ่มขึ้น
จำนวนผู้ติดเชื้อในภาคพื้นที่ได้รับยาต้านไวรัสได้เพิ่มขึ้นเป็นหนึ่งล้านสองแสนห้าหมื่นคน การเสียชีวิตจากโรคเอดส์ก็ได้ลดลงไป 18% ตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2548 ไปอยู่ที่สองแสนเจ็ดหมื่นรายเมื่อปีที่แล้ว
รายงานของสหประชาชาติชี้ว่ามีการระบาดของเอชไอวีสูงที่สุดในกลุ่มชายรักเพศเดียวกัน โดยประมาณว่ามีชายรักเพศเดียวกันเสี่ยงต่อการติดเชื้อราว 27 ล้านคน ในขณะเดียวการการติดเชื้อไวรัสเอชไอวีที่เพิ่มขึ้นในอินโดนีเชีย ปากีสถานและฟิลิปปินส์มีสาเหตุจากการใช้ยาเสพติดประเภทฉีดเข้าเส้น
คุณมาลู มาริน ผู้ประสานงานระดับภาคพื้นแห่งหน่วยงานพัฒนาเอกชน Seven Sisters กล่าวว่าประเด็นของการเลือกปฏิบัติและการเสียชีวิตจากโรคเอดส์ชี้ให้เห็นว่าผู้ออกนโยบายมีความคืบหน้าในการแก้ปัญหาเพียงเล็กน้อย
คุณมาลู มาริน กล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าประเทศต่างๆมีความคืบหน้าในด้านการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี แต่กลับไม่มีความคืบหน้าในด้านการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ออกนโยบายภาครัฐ ผู้นำทางการเมือง ตลอดจนเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งนี้เนื่องมาจากการขาดเงินทุนสนับสนุน ขาดการปฏิรูปทางกฏหมายและไร้ความมุ่งมั่นจากฝ่ายการเมือง
ผู้สื่อข่าววีโอเอที่กรุงเทพกล่าวปิดท้ายรายงานว่าบรรดาเจ้าหน้าที่สหประชาชาติเห็นความจำเป็นของการปฏิรูปทางกฏหมายในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของคนเพศเดียวกัน การลงโทษตามกฏหมายต่อผู้ขายบริการทางเพศและการควบคุมการย้ายถิ่นที่อยู่ของผู้ติดเชื้อเอดส์