ราคาน้ำมันที่แพงขึ้นอย่างต่อเนื่องในขณะนี้กำลังสร้างความไม่พอใจให้กับคนอเมริกันจำนวนมาก และสร้างปัญหาให้กับรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ไม่น้อย แต่ในทางกลับกันก็อาจทำให้แผนของไบเดนที่ต้องการปรับเปลี่ยนอุตสาหกรรมรถยนต์อเมริกันให้ใช้พลังงานสะอาดมากขึ้นนั้น เกิดขึ้นได้เร็วกว่าเดิมด้วย
ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้ามีการเปลี่ยนแปลงผกผันกับราคาน้ำมัน แม้จะเป็นเรื่องยากที่จะคำนวณความสัมพันธ์ดังกล่าวออกมาเป็นตัวเลขก็ตาม
ตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงเดือนกันยายนปีนี้ คาดว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในอเมริกาอยู่ที่ระดับ 468,000 คัน เพิ่มขึ้นจากยอดขายของปีที่แล้วทั้งปีราว 45% ตามข้อมูลของ Atlas Public Policy ซึ่งติดตามเก็บข้อมูลในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า
เฉพาะในเดือนกันยายนซึ่งระดับราคาน้ำมันสูงขึ้นอย่างมาก ผู้บริโภคอเมริกันซื้อรถยนต์ไฟฟ้า 57,000 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว 63% และเพิ่มขึ้น 90% จากสองปีก่อน
ลูค โทนาเชล ผู้อำนวยการของ Natural Resources Defense Council กล่าวว่า ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ เป็นผลมาจากความผันผวนของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกซึ่งอยู่เหนือการควบคุมของรัฐบาล ต่างจากราคาค่าไฟฟ้าซึ่งค่อนข้างคงที่เพราะรัฐบาลควบคุมไว้ไม่ให้สูงจนเกินไป ดังนั้นผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าจึงสามารถคาดหวังได้ว่าจะมีต้นทุนค่าพลังงานที่คาดเดาได้และต่ำกว่าเจ้าของรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน
อนาคตของรถยนต์ไฟฟ้าในอเมริกา
นักวิเคราะห์เชื่อว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในอเมริกาปีนี้จะมีสัดส่วนราว 4% ของตลาดรถยนต์ทั้งหมดในสหรัฐฯ เพิ่มจากระดับไม่ถึง 1% เมื่อ 5 ปีก่อน ขณะที่ LMC Automotive ซึ่งเก็บข้อมูลยอดขายรถยนต์ในสหรัฐฯ คาดการณ์ว่า ภายในปี ค.ศ. 2030 ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์พลังงานไฮบริดในอเมริกาจะเพิ่มขึ้นเป็น 34.2% ของรถยนต์ใหม่ทั้งหมด
ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้มีการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ อย่างก้าวกระโดดมีหลายประการ นอกจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นแล้ว ประธานาธิบดีไบเดนเองก็มีนโยบายสนับสนุนยานพาหนะพลังงานสะอาด โดยตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนลงครึ่งหนึ่งจากระดับเมื่อปี 2005 ให้ได้ภายในปี 2030
นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ยังมีแผนการสร้างเครือข่ายสถานีจ่ายไฟฟ้าทั่วประเทศภายใต้กฎหมายพัฒนาโครงสร้างสาธารณูปโภคของสหรัฐฯ มูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ที่ประธานาธิบดีไบเดนลงนามเมื่อเร็ว ๆ นี้
ขณะเดียวกัน เทคโนโลยีการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าก็มีความก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เชื่อว่าในอนาคต รถยนต์ไฟฟ้าจะสามารถวิ่งได้ไกลขึ้นจากการชาร์จไฟแต่ละครั้ง รวมทั้งจะสามารถชาร์จไฟได้ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น และรวดเร็วขึ้นอีกด้วย