กรุงปักกิ่งนั้นครั้งหนึ่ง เคยได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงแห่งจักรยาน เพราะเมื่อก่อน ประชาชนในกรุงปักกิ่งมักจะเดินทางไปไหนมามาไหน โดยใช้จักรยานเป็นพาหนะ แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รถยนต์ได้กลายมาเป็นพาหนะสำคัญของชาวกรุงปักกิ่ง แทนที่จักรยาน
อย่างไรก็ตาม รายงานการสำรวจชิ้นใหม่ชี้ให้เห็นว่า การเดินทางด้วยรถยนต์ในเมืองหลวงของประเทศจีนแห่งนี้ มิได้ย่นเวลาเร็วกว่าการใช้จักรยานเลย และการจราจรที่คับคั่งยังส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อจีนอีกด้วย
ถ้าใครที่มีโอกาสไปกรุงปักกิ่งในช่วงนี้ อาจจะเห็นว่าจำนวนรถจักรยานตามท้องถนนนั้นลดน้อยถอยลงอย่างเห็นได้ชัด โดยสิ่งที่มาแทนก็คือรถยนต์ อย่างไรก็ตามรายงานวิจัยชิ้นใหม่จากสถาบันวิทยาศาสตร์จีนชี้ว่า แทนที่รถยนต์จะทำให้การเดินทางของผู้คนในกรุงปักกิ่งรวดเร็วขึ้น กลับทำให้ต้องใช้เวลาบนท้องถนนนานขึ้น เนื่องจากการจราจรคับคั่ง ประกอบกับระบบการคมนาคมขนส่งที่ยังไม่สามารถรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นได้ จึงส่งผลให้ปัญหายิ่งรุนแรงขึ้น โดยชาวปักกิ่งใช้เวลาเดินทางจากบ้านไปที่ทำงานเฉลี่ย 52 นาทีในแต่ละวัน
การมีรถยนต์ใช้ในประเทศจีน ถูกมองว่าเป็นการยกฐานะทางสังคมในระดับหนึ่ง และรัฐบาลจีนเองก็ไม่พยายามสนับสนุนให้คนจีนลดการซื้อหรือขับรถยนต์ ในขณะที่คนจีนหลายคนเชื่อว่ารัฐบาลส่วนกลางไม่สามารถสร้างถนนหนทาง ได้ทันกับจำนวนรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นได้ ถึงกระนั้นก็ดี รัฐบาลส่วนท้องถิ่นกรุงปักกิ่ง ได้ใช้เงินไปแล้วหลายพันล้านดอลล่าร์ เพื่อปรับปรุงระบบการขนส่งมวลชน ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายรถไฟใต้ดิน และถนนตัดใหม่เพิ่มเติมจากส่วนที่สร้างขึ้น ในช่วงก่อนการแขงขันกีฬาโอลิมปิกเมื่อ 2 ปีก่อน แต่หากเทียบกับจำนวนรถยนต์ในกรุงปักกิ่ง ที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยวันละ 1,500 คัน จะเห็นได้ว่าการสร้างถนนให้ทันกับรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นนั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
ศาสตราจารย์ James Wang แห่งภาควิชาภูมิศาสตร์มหาวิทยาลัยฮ่องกง ระบุว่า การแก้ปัญหาการจราจรคับคั่งในกรุงปักกิ่งสามารถทำได้ โดยให้บริษัทต่างๆ ใช้ตารางการทำงานแบบยืดหยุ่น หรือย้ายสำนักงานไปตั้งในเขตชานเมือง ตลอดจนการกระจายความเจริญไปยังเมืองอื่นๆ
คุณ Cao Yaoliang คนขับรถแท๊กซี่ในกรุงปักกิ่ง เห็นด้วยกับแนวคิดกระจายความเจริญสู่เขตชานเมือง โดยเขาบอกว่าปัจจุบันตามชานเมืองนั้น มีรถราวิ่งน้อยมาก ต่างกันกับในเมืองเขตเมืองราวหน้ามือเป็นหลังมือ และการจราจรในกรุงปักกิ่งนั้น นับวันยิ่งจะเลวร้ายลง ด้วยเหตุนี้ทำให้ชาวกรุงปักกิ่งหลายคนเริ่มหวนนึกถึงวันคืนเก่าๆ บนอานจักรยานขึ้นมาบ้างแล้ว