นักวิเคราะห์ประเมินว่า ผลประกอบการของบริษัท แอปเปิล (Apple) ในปีที่แล้วน่าจะออกมาสูงกว่าคู่แข่งรายอื่นๆ จากการที่ยอดขายถล่มทะลายของโทรศัพท์ไอโฟนช่วยลดผลกระทบจากสถานการณ์ห่วงโซ่อุปทานติดขัดและการระบาดของโคโรนาไวรัสได้อย่างมาก ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์
บริษัท แอปเปิล มีกำหนดเปิดเผยรายละเอียดผลประกอบการไตรมาสล่าสุดในวันพฤหัสบดีนี้ และนักวิเคราะห์ชี้ว่า ยอดขายโทรศัพท์ไอโฟน 13 ประกอบกับตัวเลขยอดขายในตลาดจีนที่แข็งแกร่ง และยอดขายคอมพิวเตอร์แมคที่ขยายตัวต่อเนื่อง น่าจะทำให้รายได้รวมของบริษัทแห่งนี้เพิ่มขึ้นถึง 6% ตามเป้าในไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว
ทั้งนี้ ตลาดการเงินกำลังจับตาดูผลงานของ แอปเปิล เทสลา และบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำอื่นๆ อย่างใกล้ชิด ว่าจะสามารถทะยานขึ้นมาทำข่าวดีให้กับนักลงทุนได้หรือไม่ หลังเกิดเหตุเทขายหุ้นบริษัทเทคโนโลยีที่อยู่ในกลุ่มดัชนีแนสแด็ก 100 (Nasdaq 100) เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เป็นมูลค่ารวมถึงเกือบ 3 ล้านล้านดอลลาร์ เนื่องจากกลัวว่า ระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างหนัก ซึ่งหมายถึงการหดตัวของรายได้ในอนาคตของบริษัทต่างๆ
นักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีทคาดว่า แอปเปิล จะรายงานตัวเลขรายได้ประจำไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้ว ที่ระดับ 118,700 ล้านดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าราว 6.48%
เมื่อสิ้นไตรมาสที่ 3 ของปีที่แล้ว รายงานผลประกอบการของ แอปเปิล ออกมาต่ำกว่าที่คาด ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก และ ทิม คุ้ก ซีอีโอ ของบริษัทให้เหตุผลว่า มีสาเหตุมาจากภาวะตึงตัวในห่วงโซ่อุปทานและการหยุดชะงักของสายการผลิตที่ทำให้ยอดขายของบริษัทหายไปประมาณ 6,000 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม นีล ชาห์ จากศูนย์วิจัย Counterpoint Research ให้ความเห็นว่า เนื่องจาก แอปเปิล วางแผนการใช้ชิ้นส่วนประกอบสำหรับ ไอโฟน คอมพิวเตอร์แมค นาฬิกาแอปเปิลวอทช์ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ให้พอกับที่สั่งผลิตมา ทางบริษัทจึงสามารถทำงานร่วมกับซัพพลายเออร์ให้ผลิตชิ้นส่วนได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่มีปัญหาเรื่องการล่าช้า ขณะที่ นักวิเคราะห์อื่นๆ คาดว่า ยอดขาย ไอโฟน 13 ในไตรมาสที่แล้วน่าจะขยายตัวอย่างมาก ทำให้ผลประกอบการในช่วงปลายปีที่แล้วน่าจะออกมาดีขึ้น
นอกจากนั้น นักวิเคราะห์ยังเชื่อว่า ผลกระทบจากการระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนที่แพร่กระจายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว ไม่น่าจะมีผลต่อ แอปเปิล สักเท่าใด แม้ว่า ร้านค้าปลีกบางแห่งจะต้องปิดให้บริการชั่วคราว เพราะช่องทางการทำธุรกิจแบบออนไลน์ของบริษัทยังคงมีความแข็งแกร่งอยู่มาก แต่หลายคนก็ยังจับตาดูว่า สถานการณ์การระบาดนี้ในจีนจะมีผลต่อกระบวนการผลิตของแอปเปิลหรือไม่
- ที่มา: รอยเตอร์