กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ พร้อมด้วยทางการของมลรัฐอีก 15 แห่ง ยื่นฟ้องบริษัทแอปเปิล โดยกล่าวหาบริษัทผู้ผลิตไอโฟนรายนี้ว่าผูกขาดตลาดสมาร์ทโฟน
กระทรวงฯ กล่าวว่า แอปเปิลตั้งราคาไอโฟนให้สูงถึง 1,599 ดอลลาร์ต่อเครื่อง และได้กำไรมากกว่าคู่แข่งรายอื่น ๆ ในตลาด รวมทั้งเก็บเงินจากบริษัทอื่น ๆ ที่เป็นหุ้นส่วนธุรกิจ ตั้งเเต่บริษัทซอฟต์แวร์ ไปจนถึงผู้ให้บริการบัตรเครดิต
โดยการกระทำดังกล่าว เจ้าหน้าที่รัฐเห็นว่า เป็นการดำเนินการหลังฉาก และเป็นผลให้ผู้บริโภคต้องจ่ายเงินเพิ่ม ส่วนทางแอปเปิลก็ได้ประโยชน์จากกำไรที่เพิ่มขึ้น ตามรายงานของรอยเตอร์
แอปเปิลปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว และโต้กลับว่าการฟ้องร้องนี้ "คุกคามความเป็นตัวตนของเราและหลักการที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ของแอปเปิลแตกต่างจากคู่แข่ง ในตลาดที่มีการเเข่งขันอย่างสูง"
บริษัทกล่าวด้วยว่า "ถ้าสำเร็จ (การดำเนินคดีนี้) จะบั่นทอนความสามารถของเราในการผลิตเทคโนโลยีที่คนคาดหวังจากแอปเปิล ซึ่งเป็นจุดรวมของฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์และการให้บริการ"
หนึ่งในตัวอย่างของข้อกล่าวหาของกระทรวงยุติธรรมต่อแอปเปิล ในเอกสารฟ้องร้องความยาว 88 หน้า คือ กรณีที่ทางการสหรัฐฯ ระบุว่า แอปเปิลสร้างความยากลำบากต่อคู่แข่งที่พัฒนาแอปส่งข้อความและที่ผลิตสมาร์ทวอทช์ เมื่อผู้บริโภคต้องใช้ผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 บนไอโฟน
กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ต้องการให้คดีนี้เป็นเรื่องของตลาดสมาร์ทโฟนในสหรัฐฯ ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนมากมองว่า แอปเปิลมีส่วนเเบ่งเกินครึ่งหนึ่ง
แต่ทางแอปเปิลต้องการให้ตีความ "ตลาด" ในที่นี้ว่าเป็นตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลก ซึ่งแอปเปิลมีส่วนแบ่งราว 20%
ก่อนหน้านี้ แอปเปิลถูกตรวจสอบและถูกกดดันทางกฎหมายเรื่องการผูกขาดตลาดมาเเล้วในประเทศญี่ปุ่น เกาหลีใต้และยุโรป นอกจากนั้นคู่แข่งในธุรกิจไฮเทค
รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เมอร์ริค การ์แลนด์ กล่าวที่งานเเถลงข่าววันพฤหัสบดีว่า "เราเดินเรื่องในครั้งนี้ เพราะเราเชื่อว่ามีข้อเท็จจริงที่ช่วยอธิบายเหตุผลได้ และเพราะเราเชื่อว่าเราสามารถชนะ"
ที่ผ่านมาแอปเปิลเเย้งว่าจำเป็นต้องจำกัดการเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้และของตัวอุปกรณ์ต่อผู้พัฒนาแอป โดยใช้เหตุผลเรื่องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย
- ที่มา: รอยเตอร์
กระดานความเห็น