การประชุมสุดยอดผู้นำความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือ เอเปค ที่กรุงพอร์ตมอร์สบี ในปาปัวนิวกินี สิ้นสุดลงเมื่อวันอาทิตย์โดยไม่มีแถลงการณ์ร่วมจากผู้นำ 21 ชาติที่เข้าประชุม เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 30 ปี เนื่องจากไม่สามารถตกลงกันได้ถึงเนื้อหาและถ้อยคำในแถลงการณ์ร่วมประจำปีนี้
นายกรัฐมนตรีปีเตอร์ โอนีล ผู้นำปาปัวนิวกินี แถลงข่าวภายหลังสิ้นสุดการประชุมเอเปคว่า สาเหตุของการปิดการประชุมสุดยอดโดยปราศจากแถลงการณ์ร่วม เป็นเพราะความขัดแย้งในด้านเนื้อหาแถลงการณ์ ระหว่าง 2 มหาอำนาจอย่างสหรัฐและจีน ที่มีข้อพิพาทด้านการค้าระหว่างกัน ต่างมีจุดยืนที่แตกต่างกันในเนื้อหาของแถลงการณ์ร่วม
ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯที่เข้าร่วมประชุมที่กรุงพอร์ตมอสบี ระบุว่า เป็นความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับผู้นำชาติอื่นในกลุ่มเอเปค จนไม่สามารถออกแถลงการณ์ร่วมได้
โดยเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา รองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ แห่งสหรัฐฯ และประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง ของจีน ต่างแสดงวิสัยทัศน์ทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกอย่างดุเดือด ฝั่งรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกมาเตือนประเทศในกลุ่มเอเปคให้ระมัดระวังการเพิ่มภาระหนี้จากต่างประเทศ และย้ำให้แต่ละประเทศรักษาผลประโยชน์และอธิปไตยของชาติเป็นสำคัญ
ขณะที่ผู้นำจีน เน้นถึงความสำคัญของโครงการ 1 ถนน 1 วงแหวนที่จะเชื่อมโยงเครือข่ายที่แข็งแกร่งจากเอเชีย ตะวันออกกลาง ยุโรป และแอฟริกา และยืนยันว่านโยบายดังกล่าวไม่ได้มีเป้าหมายด้านภูมิศาสตร์การเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ตาม นี่ถือเป็นครั้งแรกที่การประชุมเอเปคจบลงโดยไม่สามารถออกแถลงการณ์ร่วมกันได้ นับตั้งแต่การประชุมเอเปคครั้งแรกเมื่อเกือบ 30 ปีก่อน โดยการประชุมเอเปคครั้งต่อไปจะมีขึ้นที่ชิลีในปีหน้า