Save the Children หน่ววยงานความช่วยเหลือด้านมนุษยชนเปิดเผยชี้ว่าแม้จะทุกประเทศทั่วโลกจะพยายามลดการเสียชีวิตของแม่และเด็ก ยังมีเด็กทารกแรกเกิดราว 3 ล้านคนเสียชีวิตทุกปี
คุณแคโรไลน์ ไมล์ส ประธานและซีอีโอแห่งหน่วยงาน Save the Children กล่าวว่ายังมีความเชื่อผิดๆที่ว่าเราไม่มีทางช่วยชีวิตทารกแรกเกิดในประเทศกำลังพัฒนาเอาไว้ได้ ส่งผลให้ทารกจำนวนมากเสียชีวิต
คุณไมล์ส กล่าวว่าในรายงานเกี่ยวกับประเทศที่ดีที่สุดต่อความเป็นแม่ ปีนี้ทางหน่วยงานได้เน้นศึกษาเรื่องเด็กทารกและพบว่า วันที่เด็กคลอดเป็นวันที่อันตรายที่สุดในชีวิตของเด็ก มีทารกมากกว่าหนึ่งล้านคนเสียชีวิตในวันคลอด
มีสาเหตุหลายประการที่ทำให้ทารกเสี่ยงต่อการเสียชีวิตในวันที่พวกเขาลืมตาดูโลก
คุณไมล์สกล่าวว่าเหตุของการเสียชีวิตสามารถป้องกันได้ ทารกเสียชีวิตจากการติดเชื้อ จากอาการแทรกซ้อนในรายที่คลอดก่อนกำหนด หรือเสียชีวิตจากอาการไม่หายใจขณะคลอด
ประธานและซีอีโอแห่ง Save the Children กล่าวว่าทวีปอาฟริกาทางใต้ของทะเลทรายซาฮาร่าเป็นพื้นที่ที่ทารกเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากสาเหตุธรรมดาเหล่านี้มากที่สุด ในรายงานของหน่วยงาน ประเทศที่ติดอันดับท้ายสุดสิบประเทศล้วนเป็นประเทศในย่านนี้ เป็นประเทศที่ทารกเสียชีวิตในวันคลอดมากที่สุด นับเป็นสี่สิบเปอร์เซ็นต์ของจำนวนทารกที่เสียชีวิตในวันคลอดทั้งหมดทั่วโลก
ในบรรดา 176 ประเทศที่จัดอยู่ในอันดับประเทศที่แม่และเด็กเสี่ยงชีวิตมากที่สุดในวันคลอด สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกเป็นประเทศอันดับสุดท้าย ประเทศรั้งท้ายสิบประเทศเหล่านี้รวมทั้งโซมาเลีย เซียร่าลีอง มาลี ไนเจอร์ เซ็นทรัลอาฟริการีพับบลิค แกมเบีย ไนจีเรีย ช้าดและไอวอรี่โค้สท์
คุณแคโรไลน์ ไมล์ส ประธานและซีอีโอแห่ง Save the Children กล่าวในรายงานผู้สื่อข่าววีโอเอว่าประเทศต่างๆในอาฟริกาทางใต้ของทะเลทรายซาฮาร่าขาดแคลนบุคลากรและสถานที่บริการทางการแพทย์และผดุงครรภ์แก่ผู้หญิงท้องถิ่นในพื้นที่ห่างไกล ทำให้ไม่มีใครช่วยทำคลอดและให้บริการการแพทย์พื้นฐานหลังคลอดแก่ทั้งตัวแม่และทารก เธอคิดว่าควรแก้ปัญหานี้ด้วยการส่งเจ้าหน้าที่การแพทย์ออกไปในเขตห่างไกลเพื่อช่วยทำคลอดอย่างปลอดภัย
รายงานของ Save the Children ชี้ว่ามีหนทางแก้ไข 4 ประการที่จะช่วยป้องกันการเสียชีวิตของทารกในวันคลอดได้แต่ละวิธีเสียค่าใช้จ่ายตั้งแต่ 13 เซ็นท์จนถึงหกดอลล่าร์สหรัฐ หรือตั้งแต่ประมาณสี่บาทเศษๆจนถึง 180 บาท วิธีแรกคือการฉีดยาสเตียรอยด์ในผู้หญิงที่กำลังคลอดก่อนกำหนดเพื่อลดการเสียชีวิตของทารกที่คลอดก่อนกำหนดจากปัญหาเกี่ยวข้องกับระบบการหายใจของทารก เครื่องปั้มหัวใจสามารถช่วยชีวิตทารกที่ไม่หายใจเลยหลังคลอดได้ ในขณะที่การฉีดยาปฏิชีวนะก็ช่วยรักษาทารกที่ติดเชื้อแบคทีเรียหรือเป็นปอดบวมได้และวิธีสุดท้ายเป็นป้องกันการติดเชื้อในสายสะดือเด็กด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างธรรมดาที่เรียกว่าคลอเฮ็คซีดีน (chlorhexidine) โดยใช้ทาลงบนสายสะดือเด็กหลังคลอด
แม้ว่าวิธีป้องกันการเสียชีวิตของทารกหลังคลอดเป็นวิธีที่ง่ายและถูก ประเทศกำลังพัฒนากลับไม่ใช้วิธีเหล่านี้ รายงานของ Save the Children ชี้ว่านั่นเป็นเพราะผู้นำทางการเมืองในแต่ละประเทศไม่ใส่ใจในปัญหานี้
รายงานของ Save the Children จัดอันดับให้ประเทศฟินแลนด์เป็นประเทศที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับแม่และทารก ตามด้วยสวีเดน นอร์เวย์ ไอส์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ เดนมาร์ก สเปน เบลเยี่ยม เยอรมันนีและออสเตรเลีย สำหรับสหรัฐอเมริกาถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 30
คุณแคโรไลน์ ไมล์ส ประธานและซีอีโอแห่งหน่วยงาน Save the Children กล่าวว่ายังมีความเชื่อผิดๆที่ว่าเราไม่มีทางช่วยชีวิตทารกแรกเกิดในประเทศกำลังพัฒนาเอาไว้ได้ ส่งผลให้ทารกจำนวนมากเสียชีวิต
คุณไมล์ส กล่าวว่าในรายงานเกี่ยวกับประเทศที่ดีที่สุดต่อความเป็นแม่ ปีนี้ทางหน่วยงานได้เน้นศึกษาเรื่องเด็กทารกและพบว่า วันที่เด็กคลอดเป็นวันที่อันตรายที่สุดในชีวิตของเด็ก มีทารกมากกว่าหนึ่งล้านคนเสียชีวิตในวันคลอด
มีสาเหตุหลายประการที่ทำให้ทารกเสี่ยงต่อการเสียชีวิตในวันที่พวกเขาลืมตาดูโลก
คุณไมล์สกล่าวว่าเหตุของการเสียชีวิตสามารถป้องกันได้ ทารกเสียชีวิตจากการติดเชื้อ จากอาการแทรกซ้อนในรายที่คลอดก่อนกำหนด หรือเสียชีวิตจากอาการไม่หายใจขณะคลอด
ประธานและซีอีโอแห่ง Save the Children กล่าวว่าทวีปอาฟริกาทางใต้ของทะเลทรายซาฮาร่าเป็นพื้นที่ที่ทารกเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากสาเหตุธรรมดาเหล่านี้มากที่สุด ในรายงานของหน่วยงาน ประเทศที่ติดอันดับท้ายสุดสิบประเทศล้วนเป็นประเทศในย่านนี้ เป็นประเทศที่ทารกเสียชีวิตในวันคลอดมากที่สุด นับเป็นสี่สิบเปอร์เซ็นต์ของจำนวนทารกที่เสียชีวิตในวันคลอดทั้งหมดทั่วโลก
ในบรรดา 176 ประเทศที่จัดอยู่ในอันดับประเทศที่แม่และเด็กเสี่ยงชีวิตมากที่สุดในวันคลอด สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกเป็นประเทศอันดับสุดท้าย ประเทศรั้งท้ายสิบประเทศเหล่านี้รวมทั้งโซมาเลีย เซียร่าลีอง มาลี ไนเจอร์ เซ็นทรัลอาฟริการีพับบลิค แกมเบีย ไนจีเรีย ช้าดและไอวอรี่โค้สท์
คุณแคโรไลน์ ไมล์ส ประธานและซีอีโอแห่ง Save the Children กล่าวในรายงานผู้สื่อข่าววีโอเอว่าประเทศต่างๆในอาฟริกาทางใต้ของทะเลทรายซาฮาร่าขาดแคลนบุคลากรและสถานที่บริการทางการแพทย์และผดุงครรภ์แก่ผู้หญิงท้องถิ่นในพื้นที่ห่างไกล ทำให้ไม่มีใครช่วยทำคลอดและให้บริการการแพทย์พื้นฐานหลังคลอดแก่ทั้งตัวแม่และทารก เธอคิดว่าควรแก้ปัญหานี้ด้วยการส่งเจ้าหน้าที่การแพทย์ออกไปในเขตห่างไกลเพื่อช่วยทำคลอดอย่างปลอดภัย
รายงานของ Save the Children ชี้ว่ามีหนทางแก้ไข 4 ประการที่จะช่วยป้องกันการเสียชีวิตของทารกในวันคลอดได้แต่ละวิธีเสียค่าใช้จ่ายตั้งแต่ 13 เซ็นท์จนถึงหกดอลล่าร์สหรัฐ หรือตั้งแต่ประมาณสี่บาทเศษๆจนถึง 180 บาท วิธีแรกคือการฉีดยาสเตียรอยด์ในผู้หญิงที่กำลังคลอดก่อนกำหนดเพื่อลดการเสียชีวิตของทารกที่คลอดก่อนกำหนดจากปัญหาเกี่ยวข้องกับระบบการหายใจของทารก เครื่องปั้มหัวใจสามารถช่วยชีวิตทารกที่ไม่หายใจเลยหลังคลอดได้ ในขณะที่การฉีดยาปฏิชีวนะก็ช่วยรักษาทารกที่ติดเชื้อแบคทีเรียหรือเป็นปอดบวมได้และวิธีสุดท้ายเป็นป้องกันการติดเชื้อในสายสะดือเด็กด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างธรรมดาที่เรียกว่าคลอเฮ็คซีดีน (chlorhexidine) โดยใช้ทาลงบนสายสะดือเด็กหลังคลอด
แม้ว่าวิธีป้องกันการเสียชีวิตของทารกหลังคลอดเป็นวิธีที่ง่ายและถูก ประเทศกำลังพัฒนากลับไม่ใช้วิธีเหล่านี้ รายงานของ Save the Children ชี้ว่านั่นเป็นเพราะผู้นำทางการเมืองในแต่ละประเทศไม่ใส่ใจในปัญหานี้
รายงานของ Save the Children จัดอันดับให้ประเทศฟินแลนด์เป็นประเทศที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับแม่และทารก ตามด้วยสวีเดน นอร์เวย์ ไอส์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ เดนมาร์ก สเปน เบลเยี่ยม เยอรมันนีและออสเตรเลีย สำหรับสหรัฐอเมริกาถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 30
