ลิ้งค์เชื่อมต่อ

ผลสำรวจชี้ คนอเมริกันเกือบครึ่งยังไม่อยากรับวัคซีนต้านโควิด


Small bottles labeled with a "Vaccine COVID-19"
Small bottles labeled with a "Vaccine COVID-19"

ผลสำรวจของสำนักวิจัยพิว (Pew Research) ในเดือนกันยายนระบุว่า ชาวอเมริกัน 49 เปอร์เซ็นต์ตั้งใจหรือค่อนข้างมั่นใจว่าจะไม่ฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 หากพวกเขาสามารถเข้าถึงวัคซีนได้ในวันนี้ เพราะกังวลถึงผลข้างเคียงของวัคซีน

ผู้คนไม่มั่นใจต่อความปลอดภัยของวัคซีนที่จะเข้าสู่ท้องตลาดมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเมื่อย้อนไปดูผลสำรวจของสำนักวิจัยพิวเมื่อเดือนพฤษภาคม ขณะนั้นมีชาวอเมริกันถึง 72 เปอร์เซ็นต์ที่ตั้งใจจะฉีดวัคซีน

อย่างไรก็ตาม ในเดือนกันยายนนี้ กลับมีชาวอเมริกันเพียง 21 เปอร์เซ็นต์ที่ตั้งใจจะฉีดวัคซีนแน่นอน โดยผลสำรวจระบุว่า ชาวอเมริกัน 77 เปอร์เซ็นต์เชื่อว่า อาจมีการรับรองวัคซีนที่ถูกพัฒนาในสหรัฐฯ ก่อนที่จะมีการศึกษาความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีนดังกล่าวอย่างถี่ถ้วน

ผู้ตอบแบบสำรวจ 78 เปอร์เซ็นต์จากผู้ตอบแบบสำรวจกว่าหนึ่งหมื่นคนยังกังวลด้วยว่าอาจมีการรับรองวัคซีนเร็วเกินไปที่จะรับประกันความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีนได้ ในขณะที่มีเพียง 20 เปอร์เซ็นต์ที่กังวลว่าวัคซีนจะเข้าสู่ท้องตลาดช้าเกินไป

สรุปสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก

อิสราเอลเริ่มปิดเมืองรอบสองในวันศุกร์นี้หลังมีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสสูงขึ้นมาก การปิดเมืองยาวสามสัปดาห์รอบนี้มีขึ้นในช่วงเริ่มเทศกาลวันหยุดของชาวยิวพอดี

มาตรการปิดเมืองของอิสราเอลครั้งนี้มีทั้ง อนุญาตให้ชาวอิสเราเอลออกจากบ้านได้ไม่เกิน 500 เมตร ยกเว้นเพื่อไปซื้อยา รับบริการทางการแพทย์ ช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ ส่งบุตรหลานให้ผู้ปกครอง และพาสัตว์เข้ารับการรักษาเท่าที่จำเป็นเท่านั้น

Israel police set trafic control poles before Israel will enter a second nationwide lockdown
Israel police set trafic control poles before Israel will enter a second nationwide lockdown

เมื่อวันศุกร์ ศูนย์วิจัยโคโรนาไวรัส มหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอพกินส์ ระบุว่ามีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มากกว่า 30 ล้านคนทั่วโลกแล้ว มีผู้เสียชีวิตแล้วเกือบ 950,000 คน โดยสหรัฐฯ มียอดผู้ติดเชื้อสูงที่สุดในโลกที่ 6.6 ล้านคน ตามมาด้วยอินเดียที่ 5.1 ล้านคน และบราซิลที่ 4.4 ล้านคน

กระทรวงสุขภาพและสวัสดิการครอบครัวของอินเดียระบุเมื่อวันศุกร์เช่นกันว่า อินเดียมีผู้ติดเชื้อใหม่ 96,424 คน และมีผู้เสียชีวิตอันเกี่ยวเนื่องจากไวรัสโควิด-19 แล้วกว่าหนึ่งพันคนในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ทางด้านองค์การอนามัยโลกก็ออกมาเตือนเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ไวรัสโควิด-19 เริ่มกลับมาระบาดอีกครั้งในทวีปยุโรป และรัฐบาลของประเทศยุโรปต่างๆ ควรให้ความสำคัญกับการระบาดระลอกนี้

ดร. ฮานส์ คลุกย์ หัวหน้าภาคพื้นยุโรปขององค์การอนามัยโลก ระบุว่า กลุ่มคนอายุ 24 – 49 ปีเป็นกลุ่มที่แพร่ไวรัสได้รวดเร็วที่สุด ในขณะที่กลุ่มคนที่มีอายุมากกว่าก็ติดเชื้อได้รวดเร็วขึ้น ซึ่งแม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อที่มากขึ้นจะบ่งชี้ถึงการตรวจพบเชื้อที่ครอบคลุมมากขึ้น แต่ก็ส่งสัญญานถึงอัตราการแพร่ระบาดของไวรัสที่สูงขึ้นมากเช่นกัน

ดร. คลุกย์ ยังเตือนไม่ให้ประเทศยุโรปลดช่วงเวลากักตัว และดำเนินการเพื่อควบคุมการระบาดของไวรัส เช่น การรับมือกับข้อมูลบิดเบือนอย่างมีประสิทธิภาพ

World Health Organization regional director for Europe Hans Kluge visits Turkish border town, Kilis
World Health Organization regional director for Europe Hans Kluge visits Turkish border town, Kilis

ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ยังระบุด้วยว่า ชนกลุ่มน้อยอายุต่ำกว่า 21 ปี เป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มากกว่าคนผิวขาวในช่วงอายุเดียวกัน

ในช่วงระหว่างวันที่ 21 กุมภาพันธ์ถึง 31 กรกฎาคม มีคน 121 คนใน 27 รัฐที่อายุต่ำกว่า 21 ปี เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 โดยกว่า 75 เปอร์เซ็นต์เป็นชาวฮิสแปนิค คนผิวดำ ชาวอเมริกันพื้นเมืองหรือชาวอะแลสกาพื้นเมือง แม้ว่ากลุ่มคนดังกล่าวจะมีสัดส่วนเพียง 41 เปอร์เซ็นต์ของชาวอเมริกันทั้งหมดก็ตาม

ทั้งนี้ ชาวฮิสแปนิคอายุน้อยเป็นกลุ่มที่่เสียชีวิตมากที่สุดที่ 44 เปอร์เซ็นต์ ตามมาด้วยคนผิวดำที่ 29 เปอร์เซ็นต์ เทียบกับคนผิวขาวอายุน้อยที่มีผู้เสียชีวิตที่ 14 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ชาวอเมริกันพื้นเมือง ชาวอะแลสกาพื้นเมือง ชาวเอเชียนและชาวหมู่เกาะแปซิฟิคมีผู้เสียชีวิตที่กลุ่มละ 4 เปอร์เซ็นต์

ทั้งนี้ 75 เปอร์เซ็นต์ของผู้เสียชีวิตมีอาการทางสุขภาพอื่นๆ อย่างน้อยหนึ่งอย่าง เช่น โรคหืด โรคอ้วน อาการทางประสาท หรืออาการเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด โดยสภาพสังคมแวดล้อม เช่น การอาศัยในพื้นที่แออัด ความไม่มั่นคงทางอาหารและที่อยู่อาศัย และช่องว่างระหว่างฐานะและการศึกษา ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้ชนกลุ่มน้อยอายุน้อยมีอัตราการเสียชีวิตสูงเช่นกัน

เมื่อวันพุธ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อสหรัฐฯ ยังได้เริ่มวางแผนแจกจ่ายวัคซีนให้ได้ภายใน 24 ชั่วโมงหลังสำนักงานอาหารและยาของสหรัฐฯ รับรองวัคซีนดังกล่าว โดยอาจผ่านคำสั่งฉุกเฉินหรือการอนุญาตอย่างเป็นทางการเต็มรูปแบบ โดยอาจเริ่มแจกจ่ายวัคซีนให้กลุ่มคนที่มีความจำเป็นสูง เช่น บุคลากรที่ทำงานในวงการสาธารณสุข ก่อน โดยชาวอเมริกันทุกคนจะได้รับวัคซีนนี้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

แม้ทาง ดร. โรเบิร์ต เรดฟิลด์ ผู้อำนวยการศูนย์ฯ จะกล่าวกับทางคณะกรรมาธิการวุฒิสภาสหรัฐฯ ว่า ชาวอเมริกันอาจได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึงในช่วงไตรมาสที่สองหรือสามในปีหน้า แต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กลับระบุว่า วัคซีนจะเข้าสู่ท้องตลาดได้เร็วกว่านั้นอย่างแน่นอน

XS
SM
MD
LG