ลิ้งค์เชื่อมต่อ

เศรษฐีเงินล้านชาวอเมริกันอาศัยอยู่ที่ใดบ้าง?


A man rides a scooter on Treasure Island as the San Francisco city skyline sits in a smoky haze in the background Wednesday, Aug. 8, 2018.
A man rides a scooter on Treasure Island as the San Francisco city skyline sits in a smoky haze in the background Wednesday, Aug. 8, 2018.

ผู้เชี่ยวชาญชี้เกือบ 6 เปอร์เซ็นต์ของครัวเรือนอเมริกันเป็นเศรษฐีเงินล้าน

เดวิด ทอมสัน (David Thompson) ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่งคั่งทางการเงินเเละข้อมูลด้านความร่ำรวยแห่งบริษัทฟีนิกซ์ มาร์เก็ตติ้ง อินเตอร์เนชั่นเนล (Phoenix Marketing International) กล่าวว่า ปัจจัยหลักอย่างหนึ่งที่ช่วยสร้างเศรษฐีเงินล้านคือจุดที่ตั้งของเมืองที่ใกล้กับเขตที่มีบรรดาบริษัทใหญ่ๆตั้งอยู่หรือธุรกิจที่สร้างเงิน

เขากล่าวว่า ความหนาเเน่นของธุรกิจและอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยี การเงิน การให้คำปรึกษา การทหาร มีส่วนสำคัญต่อความร่ำรวยของประชาชนในพื้นที่

ราว 5.8 เปอร์เซ็นต์ของประชากรสหรัฐฯ หรือ 7 ล้าน 2 แสนครอบครัวถือเป็นเศรษฐีเงินล้านเพราะคนเหล่านี้มีเงินหนึ่งล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ โดยไม่รวมถึงอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นเจ้าของ เงินสะสมเพื่อการเกษียณอายุ เเละการร่วมลงทุนทางธุรกิจ

คิพลิงเจอร์ (Kiplinger) ผู้ตีพิมพ์การพยากรณ์ทางธุรกิจเเละคำเเนะนำทางการเงินส่วนตัว ได้ร่วมมือกับบริษัท Phoenix Marketing International เพื่อศึกษาดูว่ามีเศรษฐีจำนวนกี่คนอาศัยในเขตเมือง 933 แห่งที่มีประชาชนอาศัยอยู่อย่างน้อย 50,000 คน

เขต Bridgeport-Stamford-Norwalk ในรัฐคอนเนคติคัต ครองอันดับหนึ่ง เพราะราวร้อยละ 9 ของประชาชนที่อาศัยในเขตนี้หรือ 31,506 คนสามารถเรียกตัวเองได้ว่าเป็นเศรษฐี

นอกจากเขตนี้จะตั้งอยู่ใกล้กับมหานครนิวยอร์คเเล้ว ยังเป็นที่ตั้งของบริษัททางการเงินหลายแห่งเเละบริษัทสำคัญๆหลายบริษัทด้วยกัน รวมทั้งบริษัทเเม่ของบริษัท Priceline เเละบริษัท Xerox องค์ประกอบเหล่านี้ช่วยให้เขตเล็กๆ เขตนี้มีฐานะทางเศรษฐกิจดีกว่าเขตซิลิคอน วัลเลย์ (Silicon Valley) ในรัฐแคลิฟอร์เนีย

ในเขตเมืองบางเขตในรัฐแคลิฟอร์เนีย อาทิ ซาน โฮเซ ซันนี่เวลล์ เเละซานตา คลารา ซึ่งรวมเอาซิลลิคอน วัลเลย์ เอาไว้ด้วย ถูกจัดเป็นอันดับสอง โดยมี 61,264 ครัวเรือนที่ถือว่าเป็นเศรษฐี หรือร้อยละ 9 ของครัวเรือนทั้งหมด เขตนี้เป็นที่ตั้งของบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ที่สุดในโลกหลายเจ้า บริษัทกูเกิ้ล บริษัทแอ็ปเปิล เเละเฟสบุ๊ก ก็ตั้งอยู่ใกล้เขตนี้

ส่วนกรุงวอชิงตัน เมืองหลวงของสหรัฐฯ ครองตำแหน่งที่สาม เพราะบริเวณชานกรุงวอชิงตันดึงดูดชาวอเมริกันที่มีการศึกษาสูงที่ต้องการทำงานในตำแหน่งที่มีบทบาทสำคัญ ทำให้มีจำนวนครัวเรือนเศรษฐี 206,361 ครัวเรือน หรือคิดเป็นร้อยละ 8.9 ของจำนวนครัวเรือนทั้งหมด

ส่วนเขตเศรษฐีอันดับที่ 4 ตกเป็นของเขตปกครอง เซนท์ แมรี่ส์ ในรัฐเเมรีเเลนด์ เนื่องจากมีการใช้จ่ายทางการทหารเเละมีสถานีของกองทัพอากาศ เมืองเล็คซิงตั้น พาร์ค ของเขตปกครองนี้เป็นที่ตั้งของศูนย์วิจัยทางการทหารและการบิน

ส่วนเขตเมืองซาน ฟรานซิสโก ได้ตำแหน่งมีเศรษฐีเงินล้านจำนวนมากเป็นอันดับที่ 5 ของสหรัฐฯ เนื่องจากเป็นที่อยู่ของคนทำงานด้านเทคโนโลยีที่มีเงินเดือนสูง

ในส่วนอื่นๆ ของสหรัฐฯ ที่มีเศรษฐีเงินล้านอาศัยอยู่จำนวนมาก ได้แก่ บาร์นสเตเสเบิ้ล (Barnstable) ในรัฐแมสสาชูเซ็ทส์

เขตคนรวยเงินล้าน 9 อันดับทั้งหมดตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกกับฝั่งตะวันตกของประเทศ ยกเว้น ฮาวายที่มาเป็นอันดับที่ 10 ซึ่ง Thompson บอกว่ารัฐ ฮาวายแตกต่างไปจากที่อื่นเพราะดึงดูดเศรษฐีเข้าไปอยู่อาศัย แต่ไม่ได้สร้างเศรษฐีขึ้นมาเอง

อย่างไรก็ตาม ไม่มีเขตเมืองใดในตอนกลางของสหรัฐฯ ที่ติดอันดับเมืองเศรษฐีเงินล้าน

ในขณะที่เมืองดัลลัสในรัฐเท็กซัส เเละเมืองชิคาโก ในรัฐอิลลินอยด์ จะเติบโตทางเศรษฐกิจดี เมืองเหล่านี้ก็ไม่จำเป็นว่าต้องติดอันดับเมืองเศรษฐีเงินล้านในอันดับต้นๆ เพราะรัฐทั้งสองนี้มีพื้นที่ดินกว้างใหญ่กว่าเเละมีจำนวนคนมากกว่า

ส่วนในรัฐต่างๆ ทางตอนกลางของสหรัฐฯ หรือ Midwest ที่เหลือ Thompson กล่าวว่า เมืองในภูมิภาคนี้ของสหรัฐฯ อาจต้องปรับปรุงหลายอย่าง เขากล่าวว่าสาเหตุมาจากหลายอย่างรวมกัน ไม่ว่าจะเป็นระดับรายได้ที่ค่อนข้างคงตัว หากมีอุตสาหกรรมบางอย่าง อาทิ เทคโนโลยีและธุรกิจด้านการเงินเข้าไปตั้งอยู่ คนก็จะมีรายได้สูงขึ้นเเละสามารถสั่งสมความร่ำรวยขึ้นได้

(เรียบเรียงโดยทักษิณา ข่ายแก้ว วีโอเอภาคภาษาไทยกรุงวอชิงตัน)

XS
SM
MD
LG