วิกฤติการระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่อาจทำให้ธุรกิจจำนวนมากต้องหยุดชะงักและปิดตัวลงไป แต่สำหรับ แอมะซอน (Amazon) ภาพรวมของธุรกิจนั้นยังคงดูสดใสและทำให้ผู้นำธุรกิจอีคอมเมิร์ซแห่งนี้ตัดสินใจประกาศจ้างงานเพิ่มอีก 33,000 ตำแหน่งแล้ว
สำนักข่าว Associated Press รายงานว่า แอมะซอน ประกาศเมื่อวันพุธว่า ตำแหน่งงานใหม่ที่กำลังจะจ้างเพิ่มนั้นจะเน้นที่ส่วนงานภายในสำนักงานและงานด้านเทคโนโลยีทั่วประเทศ โดยคาดว่าจะสรุปการจ้างงานใหม่ได้ภายใน 2-3 เดือนข้างหน้า
ทั้งนี้ บริษัทย้ำว่า ตำแหน่งเหล่านี้ไม่ใช่งานที่ปกติจะเปิดรับก่อนช่วงท้ายปีที่ธุรกิจของตนจะคึกคักที่สุดเพราะฤดูกาลชอปปิ้งต้อนรับวันหยุดสิ้นปีด้วย
แอมะซอน เป็นหนึ่งในไม่กี่บริษัทที่สามารถเดินหน้าขยายธุรกิจของตนได้ในช่วงนี้ เนื่องจากประชาชนหันหน้าไปใช้บริการสั่งซื้อสินค้าเกือบทุกประเภทผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น ซึ่งส่งผลให้รายได้และกำไรของบริษัทช่วงระหว่างเดือนเมษายนและเดือนมิถุนายนพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แม้ว่าจะต้องควักเงินราว 4,000 ล้านดอลลาร์เพื่อสั่งอุปกรณ์และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดรวมทั้งจ่ายค่าล่วงเวลาและโบนัสให้พนักงานของตนแล้วก็ตาม
อันที่จริง ความต้องการสั่งซื้อของผ่านระบบออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างมากจน แอมะซอน มีปัญหาส่งมอบของแทบไม่ทัน จนต้องจ้างงานเพิ่มไปแล้วถึง 175,000 ตำแหน่งเพื่อช่วยดูแลเรื่องการบรรจุหีบห่อและการนำส่งของ
นอกจากนั้น แอมะซอน มีแผนจะจัดงานนิทรรศการจัดหางานออนไลน์ในวันที่ 16 กันยายน เพื่อรวบรวม เรซูเม่ (Resume) และเปิดโอกาสให้ผู้ที่กำลังหางานได้พูดคุยกับตัวแทนจัดหางานด้วย
แต่ขณะที่สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 กลายมาเป็นช่วงเวลาที่ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกชั้นนำของสหรัฐฯ เช่น วอลมาร์ท (Walmart) และ ทาร์เก็ต (Target) ทำยอดขายเพิ่มขึ้น ธุรกิจเก่าแก่หลายแห่งของสหรัฐฯ เช่น แบรนด์แฟชั่น เจ.ซี.เพนนี (J.C. Penny) เจ.ครูว์ (J.Crew) และ บรู๊คส์ บราเธอร์ส (Brooks Brothers) ต้องประกาศภาวะล้มละลายไปแล้ว ขณะที่ บริษัทชั้นนำ เช่น โคคา-โคลา (Coca-Cola) และสายการบิน อเมริกัน แอร์ไลน์ส (American Airlines) ต้องประกาศเลิกจ้างงานเป็นจำนวนมาก