Dr. David Feingold นักมนุษยวิทยาผู้ก่อตั้งสถาบันวิจัย Ophidian และอดีตผู้อำนวยการโครงการต่อต้านเชื้อ HIV โรคเอดส์ และการลักลอบค้ามนุษย์ขององค์การ UNESCO ประจำประเทศไทย พูดคุยกับผู้เข้าร่วมประชุมโรคเอดส์ที่กรุงวอชิงตันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ถึงการใช้เทคโนโลยีล้าสมัยคือวิทยุทรานซิสเตอร์กับความบันเทิงแบบดั้งเดิมคือละครวิทยุ ในการเข้าถึงผู้คนในชนบทห่างไกลในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะชนกลุ่มน้อยกลุ่มต่างๆ
Dr. David Feingold อธิบายว่าเป้าหมายของโครงการนี้คือการให้ความรู้เกี่ยวกับโรคเอดส์แก่คนยากจนในชนบทและชนกลุ่มน้อยที่อาจไม่รู้ภาษากลางหรือภาษาทางการ ซึ่งในแถบชนบททุรกันดารนั้น โดยวิทยุทรานซิสเตอร์คืออุปกรณ์เพื่อความรู้และความบันเทิงชนิดเดียวที่สามารถพกพาติดตัวไปตามเรือกสวนไร่นาได้ ทางโครงการจึงใช้วิธีถ่ายทอดความรู้เรื่องโรคเอดส์ในลักษณะละครวิทยุที่ใช้ภาษาประจำท้องถิ่นนั้นๆ
นักมนุษยวิทยาผู้นี้ให้เหตุผลว่าคนหนุ่มสาวในชนบทห่างไกลไม่ค่อยสนใจคำประกาศของรัฐบาล และชอบฟังละครวิทยุมากกว่า ซึ่งละครวิทยุที่นำมาใช้นั้นจะเป็นเรื่องราวชีวิตของคนจริงๆที่มีประสบการณ์ตื่นเต้นน่าสนใจเกี่ยวกับโรคเอดส์
Dr. David Feingold เริ่มโครงการละครวิทยุต่อต้านเอดส์เมื่อราว 10 ปีก่อนในแถบรัฐฉานของพม่าและทางภาคเหนือของประเทศไทย ต่อมาได้ขยายรายการเข้าไปในลาว กัมพูชาและจีน ละครทุกเรื่องพูดถึงการป้องกันเชื้อ HIV การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย การหลีกเลี่ยงขบวนการลักลอบค้ามนุษย์ และการพิษภัยของยาเสพติด ตลอดจนประเด็นที่เกี่ยวข้องกับแต่ละท้องถิ่น เช่นปัญหาที่ดิน การอพยพย้ายถิ่น หรือความรุนแรง
ละครวิทยุที่ผลิตขึ้นนี้จะออกอากาศซ้ำๆสม่ำเสมอเพื่อสร้างความตระหนักรู้ให้แก่ชาวบ้าน บางหมู่บ้านเปิดละครดังกล่าวออกทางลำโพงใหญ่กลางหมู่บ้านเป็นประจำ บางพื้นที่ที่รัฐบาลให้การสนับสนุนจะมีรถกระบะวิ่งไปตามหมู่บ้านต่างๆพร้อมเปิดละครเรื่องโรคเอดส์นี้ไปด้วยตลอดทาง นอกจากนี้ทางสถาบัน Ophidian ยังแจกจ่ายแผ่นซีดีละครให้กับคนหนุ่มสาวตามหมู่บ้านห่างไกลด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้ผลการวิจัยพบว่าโครงการที่ว่านี้สร้างความตระหนักรู้เรื่องโรคเอดส์ในหมู่ชนกลุ่มน้อยได้มากขึ้นจริง และยังสามารถเข้าถึงผู้ฟังได้ราว 15 ล้านคนในหลายประเทศ แต่ Dr. David Feingold ระบุว่าโครงการผลิตละครวิทยุต้องหยุดลงชั่วคราวเพราะไม่มีเงินทุนสนับสนุน ประกอบกับตนเองได้เกษียณการทำงานแล้ว ดังนั้นการจะทำให้โครงการที่มีประโยชน์นี้เกิดขึ้นใหม่ได้อีกครั้งจึงต้องอาศัยเงินบริจาคจากประชาชน ซึ่งผู้สนใจสามารถติดต่อได้กับสำนักงาน UNESCO สาขาเอเชียและแปซิฟิก
Dr. David Feingold อธิบายว่าเป้าหมายของโครงการนี้คือการให้ความรู้เกี่ยวกับโรคเอดส์แก่คนยากจนในชนบทและชนกลุ่มน้อยที่อาจไม่รู้ภาษากลางหรือภาษาทางการ ซึ่งในแถบชนบททุรกันดารนั้น โดยวิทยุทรานซิสเตอร์คืออุปกรณ์เพื่อความรู้และความบันเทิงชนิดเดียวที่สามารถพกพาติดตัวไปตามเรือกสวนไร่นาได้ ทางโครงการจึงใช้วิธีถ่ายทอดความรู้เรื่องโรคเอดส์ในลักษณะละครวิทยุที่ใช้ภาษาประจำท้องถิ่นนั้นๆ
นักมนุษยวิทยาผู้นี้ให้เหตุผลว่าคนหนุ่มสาวในชนบทห่างไกลไม่ค่อยสนใจคำประกาศของรัฐบาล และชอบฟังละครวิทยุมากกว่า ซึ่งละครวิทยุที่นำมาใช้นั้นจะเป็นเรื่องราวชีวิตของคนจริงๆที่มีประสบการณ์ตื่นเต้นน่าสนใจเกี่ยวกับโรคเอดส์
Dr. David Feingold เริ่มโครงการละครวิทยุต่อต้านเอดส์เมื่อราว 10 ปีก่อนในแถบรัฐฉานของพม่าและทางภาคเหนือของประเทศไทย ต่อมาได้ขยายรายการเข้าไปในลาว กัมพูชาและจีน ละครทุกเรื่องพูดถึงการป้องกันเชื้อ HIV การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย การหลีกเลี่ยงขบวนการลักลอบค้ามนุษย์ และการพิษภัยของยาเสพติด ตลอดจนประเด็นที่เกี่ยวข้องกับแต่ละท้องถิ่น เช่นปัญหาที่ดิน การอพยพย้ายถิ่น หรือความรุนแรง
ละครวิทยุที่ผลิตขึ้นนี้จะออกอากาศซ้ำๆสม่ำเสมอเพื่อสร้างความตระหนักรู้ให้แก่ชาวบ้าน บางหมู่บ้านเปิดละครดังกล่าวออกทางลำโพงใหญ่กลางหมู่บ้านเป็นประจำ บางพื้นที่ที่รัฐบาลให้การสนับสนุนจะมีรถกระบะวิ่งไปตามหมู่บ้านต่างๆพร้อมเปิดละครเรื่องโรคเอดส์นี้ไปด้วยตลอดทาง นอกจากนี้ทางสถาบัน Ophidian ยังแจกจ่ายแผ่นซีดีละครให้กับคนหนุ่มสาวตามหมู่บ้านห่างไกลด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้ผลการวิจัยพบว่าโครงการที่ว่านี้สร้างความตระหนักรู้เรื่องโรคเอดส์ในหมู่ชนกลุ่มน้อยได้มากขึ้นจริง และยังสามารถเข้าถึงผู้ฟังได้ราว 15 ล้านคนในหลายประเทศ แต่ Dr. David Feingold ระบุว่าโครงการผลิตละครวิทยุต้องหยุดลงชั่วคราวเพราะไม่มีเงินทุนสนับสนุน ประกอบกับตนเองได้เกษียณการทำงานแล้ว ดังนั้นการจะทำให้โครงการที่มีประโยชน์นี้เกิดขึ้นใหม่ได้อีกครั้งจึงต้องอาศัยเงินบริจาคจากประชาชน ซึ่งผู้สนใจสามารถติดต่อได้กับสำนักงาน UNESCO สาขาเอเชียและแปซิฟิก