กลุ่มคนรุ่นใหม่ในลอนดอน พยายามที่จะทลายการมีทัศนะคติเหมารวมต่อทรงผมหยิกฟู ด้วยการออกเเบบอิโมจิที่สะท้อนความหลากหลายของรูปลักษณะภายนอกที่ว่านี้
โครงการนี้เป็นความร่วมมือของบริษัทประชาสัมพันธ์ Good Relations กับกลุ่มคนรุ่นใหม่ RISE.365 ซึ่งประกอบด้วยนักศึกษาและคนวัยทำงาน
จุดมุ่งหมายสำคัญของอิโมจิเหล่านี้ คือการลดการเหยียดบุคคลที่มีทรงผมที่ไม่ใช่เเค่หยิกฟูแบบที่เรียกว่า "แอโฟร" แต่รวมถึงทรงอื่น ๆ ที่นิยมในหมู่คนดำและผู้ที่มีชาติพันธุ์หลากหลายในตนเอง
พวกเขาต้องการลดการเหมารวมที่ว่าทรงผมเหล่านี้หมายถึง ความไม่เป็นมืออาชีพ ไม่น่ามอง และไม่สะอาด
ปัจจุบันมีอิโมจิเกือบ 4,000 แบบแต่ยังไม่มีที่เเสดงทรงผมแอโฟร และรูปแบบอื่น ๆ เช่น "ล็อค" และ "เบรด" ที่เป็นการถักผมติดหนังศีรษะยาวลงมา รวมทั้ง "คอร์นโรว" ที่เป็นการถักผมให้นูนติดกับศีรษะ
ดังนั้น โครงการนี้ต้องการสื่อสารเพื่อให้ผม 4 แบบนี้เป็นอีกทางเลือกของโลกออนไลน์
เจย์ซิค ดักโค วัย 17 ปี ที่ร่วมงานในโครงการนี้ กล่าวว่า อิโมจิที่ออกแบบมา "น่าจะช่วยทลายมาตรฐานสังคมที่ว่าผมของคุณต้องเป็นเส้นตรงถึงจะเป็นที่น่าปรารถณา"
นักรณรงค์ผู้นี้บอกด้วยว่าตนหวังว่า "ผู้คนจะได้ไว้ทรงผมอย่างภาคภูมิใจ"
กลุ่ม RISE.365 และ Good Relations จะส่งผลงานการออกแบบอิโมจิไปยังองค์กร Unicode ซึ่งอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ในเดือนเมษายนปีหน้า เพื่อการพิจารณาสำหรับการนำไปใช้ต่อไป
ทั้งนี้ องค์กร Unicode ไม่ได้ตอบกลับการขอความเห็นจากผู้สื่อข่าวของรอยเตอร์
เจ้าหน้าที่ของ RISE.365 กล่าวว่า ถ้ามีคนค้นหาคำว่า ผมเบบ 'Afro hair' มากขึ้นก็อาจจะช่วยให้อิโมจิที่ออกแบบมาได้รับการยอมรับในวงกว้าง เพราะ Unicode พิจารณาถึงคำที่เกี่ยวข้องกับอิโมจิในการตัดสินใจเพิ่มดีไซน์ใหม่ ๆ ในสารบบ
โอลิเวีย มูชิโก หนึ่งในเจ้าหน้าที่ฝ่ายความคิดสร้างสรรค์ของโครงการนี้ หวังว่างานชิ้นนี้จะทำให้คนรู้สึกมีพลังและได้รับรู้ว่าสังคมเห็นตัวตนของพวกเขา
กลุ่ม RISE.365 เคยทำสำรวจผู้คน 104 ราย ซึ่ง 61% ระบุว่าเคยถูกเหยียดหรือโดยกลั่นเเกล้งด้วยสาเหตุเรื่องทรงผมของพวกเขา
นอกจากนั้น การสำรวจของ CROWN Research Studies พบว่าผู้หญิงผิวดำ 66% เปลี่ยนทรงผมหากว่าต้องไปสัมภาษณ์งาน
วานิตา บราวน์ ที่ร่วมออกแบบอิโมจิในโครงการนี้กล่าวว่า หนึ่งในเหตุผลที่ยังไม่มีอิโมจิทรงผมที่พวกเธอพยายามผลักดัน คือการเกิดมาตรฐานความงามตามแบบยุโรป
มูชิโกเสริมว่า การขาดอิโมจิแบบนี้ยังเกิดขึ้นท่ามในบริบทของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่คนดำยังทำงานอยู่ในสัดส่วนที่น้อยอยู่
- ที่มา: รอยเตอร์
กระดานความเห็น