เพียง 1 วันหลังการล่มสลายของกรุงคาบูล เมืองหลวงของอัฟกานิสถาน ที่เกิดขึ้นโดยไม่มีเหตุการณ์สู้รบใดๆ กองกำลังต่างชาติซึ่งรวมถึง สมาชิกกองทัพสหรัฐฯ เร่งเข้าปกป้องสนามบินนานาชาติของประเทศตะวันออกกลางนี้ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกการอพยพของประชาชนแล้ว
เจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ รายหนึ่งบอกกับ วีโอเอ ในวันจันทร์ว่า พลเอก เคนเนธ แฟรงค์ แมคเคนซี ผู้บัญชาการกองบัญชาการภูมิภาคเอเชียกลางและตะวันออกกลาง (CENTCOM) ได้พบกับกลุ่มตาลิบันที่กาตาร์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา และได้เตือนกลุ่มกบฏนี้แล้วว่า กองทัพสหรัฐฯ จะใช้มาตรการป้องกันตนเองทุกรูปแบบ หากตาลิบันพยายามแทรกแซงภารกิจอพยพผู้คนออกจากอัฟกานิสถาน
และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า กองทัพสหรัฐฯ ใช้เครื่องบินขนส่ง C-17 กี่ลำเพื่อนำพาผู้คนออกจากอัฟกานิสถาน เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวตอบเพียงว่า “ทุกลำที่พร้อมใช้งานได้”
เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เปิดเผยด้วยว่า ทหารบางหน่วยเดินทางมาถึงกรุงคาบูลล่าช้ากว่ากำหนดในช่วงเช้าวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น เนื่องจากมีพลเรือนมารวมตัวกันบริเวณรันเวย์ของสนามบินนานาชาติ ฮามิด คาร์ไซ จนกระทั่ง มีการเปิดพื้นที่ให้เครื่องบินลงจอด กำลังพลของสหรัฐฯ จึงเข้าปฏิบัติหน้าที่ได้ โดยในเวลานี้ มีเจ้าหน้าที่กองทัพอเมริกันราว 3,000 นายที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในอัฟกานิสถานในเวลานี้
ขณะเดียวกัน แถลงการณ์ร่วมของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) และกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ที่ออกมาในวันอาทิตย์ ระบุว่า สหรัฐฯ “จะทำการเคลื่อนย้ายพลเมืองชาวอเมริกันนับพันคนที่มาอาศัยอยู่ในอัฟกานิสถาน และเจ้าหน้าที่ที่ไม่ใช่ชาวอเมริกันแต่ทำงานให้กับสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงคาบูล พร้อมสมาชิกในครอบครัวทั้งหมด รวมทั้งชาวอัฟกันที่มีความเสี่ยงที่จะตกอยู่ในอันตราย ออกจากประเทศ”
นอกจากนั้นแถลงการณ์ฉบับนี้ ยังกล่าวด้วยว่า สหรัฐฯ จะเร่งทำการอพยพชาวอัฟกันนับพันที่มีคุณสมบัติเพียงพอในการยื่นคำร้องขอวีซ่าผู้อพยพเข้าสหรัฐฯ ด้วย