เมื่อวันอังคาร ผู้รักษาการในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมของรัฐบาลตาลิบันแจ้งต่อทูตจีนประจำอัฟกานิสถานว่ากลุ่มตาลิบันมีแผนจะนำบทบัญญัติบางมาตราของรัฐธรรมนูญฉบับปี 1964 ซึ่งเป็นยุคที่อัฟกานิสถานอยู่ใต้การปกครองของระบอบกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญกลับมาใช้ปกครองประเทศ หากบทบัญญัติดังกล่าวไม่ขัดต่อหลักกฎหมายอิสลาม
โดยคำประกาศอย่างเป็นทางการระบุว่าอับดุล ฮาคีม ชาราอี ผู้รักษาการตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมของรัฐบาลตาลิบันแจ้งต่อเอกอัครราชทูตจีนระหว่างการพบปะที่กรุงกาบูลว่ารัฐบาลตาลิบันจะนำบทบัญญัติบางข้อจากรัฐธรรมนูญฉบับปี 1964 ที่ไม่ขัดต่อหลักกฏหมายอิสลามมาใช้ปกครองประเทศในช่วงของการเปลี่ยนผ่าน รวมทั้งจะทำตามกฎหมายและข้อตกลงระหว่างประเทศอื่นๆ ซึ่งไม่ขัดต่อหลักกฏหมายอิสลามด้วยเช่นกัน
รัฐธรรมนูญของอัฟกานิสถานฉบับปี 1964 ที่กล่าวถึงนี้ถูกนำมาใช้ในสมัยที่กษัตริย์มูฮัมหมัด ซาเฮียร์ ชาห์ปกครองประเทศอยู่และเป็นผลให้อัฟกานิสถานมีการปกครองแบบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภาเป็นเวลาถึงราว 10 ปีโดยไม่มีการแทรกแซงจากภายนอก แต่อดีตกษัตริย์มูฮัมหมัด ซาเฮียร์ ชาห์ก็ถูกโค่นอำนาจไปในปี 1973 โดยโมฮาเม็ด ดาอู๊ดผู้เป็นหลานชาย
แต่ในการกล่าวถึงการนำบทบัญญัติบางข้อจากรัฐธรรมนูญเก่าสมัยที่อัฟกานิสถานยังมีกษัตริย์กลับมาใช้นี้ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมของอัฟกานิสถานไม่ได้กล่าวถึงบทบัญญัติบางข้อซึ่งให้สิทธิสตรีในการออกเสียงเลือกตั้งและการเปิดโอกาสให้สตรีมีส่วนร่วมในกระบวนการทางการเมืองของประเทศแต่อย่างใด
ขณะนี้รัฐบาลของกลุ่มตาลิบันกำลังถูกตำหนิโจมตีจากนานาประเทศเรื่องการกีดกันสตรีไม่ให้มีส่วนร่วมในรัฐบาลเฉพาะกาลที่จัดตั้งขึ้นเมื่อต้นเดือนนี้ และหลังจากที่กลุ่มผู้ปกครองของตาลิบันประกาศว่าการศึกษาระดับมัธยมปลายจะเป็นสิทธิของเด็กผู้ชายเท่านั้นซึ่งได้สร้างความกังวลขึ้นแล้ว ตัวแทนของกลุ่มตาลิบันก็ได้ออกมาแก้ต่างว่าเด็กผู้หญิงจะสามารถกลับเข้าโรงเรียนได้ในไม่ช้าหลังจากที่มีการจัดเตรียมสภาพแวดล้อมให้อย่างเหมาะสมและปลอดภัย
อย่างไรก็ตามสมาชิกผู้ก่อตั้งคนหนึ่งของกลุ่มตาลิบันได้กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าจะยังคงมีการลงโทษด้วยวิธีประหารชีวิตและการตัดแขนขาอยู่ต่อไปถึงแม้อาจจะไม่เกิดขึ้นในที่สาธารณะก็ตาม
เมื่อวันจันทร์ รัฐบาลสหรัฐฯ ได้แสดงความกังวลอย่างยิ่งยวดต่อสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในอัฟกานิสถาน โดยจาลินา พอตเตอร์รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงว่าสหรัฐฯ ได้เน้นย้ำตลอดมาถึงความสำคัญของการเคารพสิทธิมนุษยชนรวมทั้งการมีเสรีภาพขั้นพื้นฐาน และว่าสิทธิต่างๆ เหล่านี้รวมถึงเสรีภาพของการแสดงออก การปกป้องและส่งเสริมสิทธิของสตรีและเด็กผู้หญิง รวมทั้งสิทธิของชนกลุ่มน้อยต่างศาสนาและต่างชาติพันธ์ในประเทศด้วย
เมื่อปี 2004 สหรัฐฯ กับกลุ่มประเทศพันธมิตรได้ช่วยยกร่างรัฐธรรมนูญให้กับอัฟกานิสถานเพื่อให้มีการปกครองในระบบประธานาธิบดีและมีการเคารพสิทธิที่ทัดเทียมของสตรี อย่างไรก็ตามกลุ่มตาลิบันได้ปฏิเสธรัฐธรรมนูญฉบับนี้และให้เหตุผลว่าเป็นผลงานจากการยึดครองประเทศโดยสหรัฐฯ
แต่ขณะนี้ นายซาอิด อาซัม นักวิเคราะห์การเมืองในแคนาดาผู้เคยเป็นอดีตเจ้าหน้าที่รัฐบาลอัฟกานิสถานมาก่อนได้ตั้งข้อสังเกตว่าการที่กลุ่มตาลิบันเสนอจะนำบทบัญญัติบางข้อจากรัฐธรรมนูญเก่าฉบับปี 1964 สมัยที่ประเทศยังมีกษัตริย์กลับมาใช้อีกครั้งนั้นดูเหมือนจะเป็นความพยายามเพื่อสร้างการยอมรับในวงกว้างทั้งจากในประเทศเองและจากประชาคมระหว่างประเทศด้วย
ที่มา: VOA