การที่สหรัฐฯ และกองกำลังของประเทศพันธมิตรอื่นๆ ตัดสินใจถอนทหารออกจากอัฟกานิสถานภายในสิ้นเดือนกันยายนนี้ รวมทั้งการรุกคืบของกองกำลังตาลิบันในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาจนสามารถยึดเมืองต่างๆ ได้หลายเมือง ทำให้รัฐบาลอัฟกานิสถานที่กรุงกาบูลไม่มีทางเลือกอื่นและต้องขอความช่วยเหลือจากกองกำลังติดอาวุธของผู้นำชนเผ่ากลุ่มต่างๆ
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงเตือนว่าการกลับมามีบทบาทด้านความมั่นคงของบรรดา “warlords” หรือขุนศึก ซึ่งก็คือผู้นำชนเผ่าเหล่านี้อีกครั้ง จะบั่นทอนความมั่นคงของอัฟกานิสถานในระยะยาวได้
ขณะนี้รัฐบาลของประธานาธิบดีอัชราฟ กานี ต้องหันมาขอความช่วยเหลือจากกองกำลังของผู้นำชนเผ่าเพื่อรับมือกับฝ่ายตาลิบัน อย่างเช่น ที่เมืองเฮรัตซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการสู้รบอย่างหนักขณะนี้ ภารกิจการป้องกันเมืองเป็นหน้าที่ของกองกำลังของนายโมฮัมเหม็ด อิสมาอิล คาน อดีตผู้นำกลุ่มมูจาฮีดินซึ่งเคยต่อต้านการยึดครองของสหภาพโซเวียตเดิม
โดยกองกำลังของนายโมฮัมเหม็ด อิสมาอิล คาน มีพลพรรคอาสาสมัครติดอาวุธประมาณ 6,000 คน ส่วนขุนศึกหรือผู้นำกองกำลังชนเผ่าอีกคนหนึ่งที่กลับคืนสู่การสู้รบคือนายอับดุล ราชิด ดอสตัม อดีตรองประธานาธิบดีของอัฟกานิสถานผู้เคยมีบทบาทสำคัญในการต่อสู้กับกลุ่มตาลิบันในช่วงทศวรรษที่ 1990 หรือราว 20 ปีที่แล้ว
โดยกองกำลังของเขาอาจเรียกได้ว่ามีขีดความสามารถในการสู้รบสูงที่สุดกลุ่มหนึ่ง แต่ก็เคยถูกองค์การด้านสิทธิมนุษยชนตำหนิเรื่องการข่มขืนและการสังหารนักโทษซึ่งอยู่ในความควบคุม
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีอัชราฟ กานี ของอัฟกานิสถาน ผู้เคยประกาศว่าจะกวาดล้างกลุ่มขุนศึกเหล่านี้ ได้แวะเยี่ยมนายอับดุล ราชิด ดอสตัม ซึ่งรายงานข่าวระบุว่ากำลังพักรักษาตัวอยู่ในประเทศตุรกี
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านอัฟกานิสถานหลายคนยังไม่แน่ใจว่าความสนับสนุนจากกองกำลังติดอาวุธของบรรดาขุนศึกดังกล่าวจะเพียงพอเพื่อต้านทานการรุกคืบและการยึดครองพื้นที่ของกลุ่มตาลิบันได้หรือไม่
เพราะขณะนี้กองทัพบกของอัฟกานิสถานตกอยู่ในสภาพที่รวนเรและเสียขวัญ และหลายคนก็เตือนว่าการกลับเข้ามามีบทบาทอีกครั้งโดยกองกำลังของผู้นำชนเผ่าต่างๆ จะยิ่งทำให้อัฟกานิสถานตกอยู่ในสภาพที่ขัดแย้งโดยมีสงครามกลางเมืองเพื่อแย่งชิงอำนาจกันเองเหมือนที่เคยเกิดขึ้นเมื่อกว่า 20 ปีที่แล้วหลังจากที่กองทหารของสหภาพโซเวียตเดิมต้องถอนตัวออกไป
คุณแวนด้า เฟลบาบ บราวน์ ของสถาบัน Brookings ในกรุงวอชิงตัน ชี้ว่า ขณะนี้กองกำลังของฝ่ายตาลิบันประสบความสำเร็จในการรบแม้กระทั่งในเขตพื้นที่ซึ่งมีกองกำลังติดอาวุธของเหล่าขุนศึกที่รัฐบาลกรุงกาบูลสนับสนุนอยู่
นอกจากนั้น คุณแอนนี่ โฟร์ไซมเมอร์ อดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ด้านกิจการอัฟกานิสถาน และคุณนิโลฟา ซัคคี ผู้เคยมีบทบาทในกระบวนการสันติภาพอัฟกานิสถาน ก็เตือนว่า สถานการณ์ในอัฟกานิสถานขณะนี้จะเปิดโอกาสให้ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคให้ความช่วยเหลือทางด้านอาวุธและการเงินแก่กลุ่มที่ตนสนับสนุนอยู่ และกองกำลังของขุนศึกเหล่านี้ก็มีโอกาสจะเปลี่ยนข้างหรือเปลี่ยนขั้วตามผลประโยชน์ที่ได้รับ ซึ่งจะยิ่งทำให้รัฐบาลกลางของอัฟกานิสถานต้องอ่อนแอลงไปอีก
ส่วนคุณโรเมน มาเลจาค ผู้เขียนหนังสือเกี่ยวกับบทบาทของขุนศึกและกระบวนการสร้างชาติในอัฟกานิสถาน ก็เตือนเช่นกันว่า ไม่ว่ารัฐบาลที่กรุงกาบูลจะประสบความสำเร็จในการต้านทานกลุ่มตาลิบันหรือไม่ก็ตาม
แต่อัฟกานิสถานในยุคหลังกองกำลังนาโต้คงจะเป็นประเทศซึ่งเต็มไปด้วยความปั่นป่วนวุ่นวาย การสู้รบ และความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกลาง กลุ่มตาลิบัน และกองกำลังของขุนศึก ในความพยายามเพื่อช่วงชิงอำนาจและการควบคุมต่อไป
(ที่มา: VOA)