เมื่อวันพุธ นายโมฮัมหมัด ฮัสซัน อะคุนด์ รักษาการนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลตาลิบัน เรียกร้องให้ประชาคมโลกรับรองรัฐบาลของตน โดยย้ำว่ารัฐบาลตาลิบันปฏิบัติตามเงื่อนไขทุกประการเพื่อให้ได้รับการรับรอง
นายอะคุนด์กล่าวขณะรัฐบาลตาลิบันหารือเกี่ยวกับวิกฤตเศรษฐกิจในอัฟกานิสถานนับตั้งแต่กลุ่มตาลิบันยึดอำนาจเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยมีเจ้าหน้าที่จากสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น เข้าร่วมประชุมครั้งนี้ด้วย
เขาเรียกร้องเป็นพิเศษไปยังประเทศมุสลิมให้รับรองรัฐบาลตาลิบัน เพื่อช่วยขับเคลื่อนความพยายามแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและมนุษยธรรมในอัฟกานิสถาน
ทั้งนี้ ยังไม่มีประเทศใดให้การรับรองรัฐบาลตาลิบันอย่างเป็นทางการ โดยรัฐบาลประเทศต่าง ๆ กำลังจับตามองว่า กลุ่มตาลิบันจะมีแนวทางปกครองประเทศอย่างไร
นายอะคุนด์กล่าวว่า วิกฤตเศรษฐกิจในอัฟกานิสถานเกิดจากมาตรการลงโทษจากนานาชาติ และการระงับการเข้าถึงเงินสดสำรองราว 9,500 ล้านดอลลาร์ของอัฟกานิสถาน โดยสหรัฐฯ เป็นผู้นำชาติตะวันตกในการลงโทษอัฟกานิสถาน
เดโบราห์ ไลออนส์ หัวหน้าคณะภารกิจของยูเอ็นในกรุงคาบูล ระบุว่า ยูเอ็นกำลังทำงานเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของอัฟกานิสถานและแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ต้นเหตุ เธอยังชื่นชมมาตรการบางส่วนของกลุ่มตาลิบันเพื่อรับมือปัญหาเศรษฐกิจ เช่น การใช้งบประมาณรัฐที่มาจากงบภายในประเทศทั้งหมดโดยไม่พึ่งพาเงินบริจาคจากต่างประเทศ รวมทั้งมีการสร้างรายได้มากขึ้นจากการปราบปรามการทุจริต แม้เศรษฐกิจจะชะลอตัวลงก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ไลออนส์ยังย้ำว่า ผู้หญิงต้องมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เนื่องจากความเจริญทางสังคมและเศรษฐกิจที่มั่นคง จะต้องเกิดจากการที่ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม มีการเคารพสิทธิมนุษยชนและความเท่าเทียมในประชาชนทุกคน
นอกจากนี้ สมาชิกคณะรัฐมนตรีอาวุโสคนอื่น ๆ ของรัฐบาลตาลิบัน ยังเรียกร้องให้นานาชาติยุติมาตรการลงโทษต่ออัฟกานิสถานเช่นกัน เช่น นายอะเมอร์ ข่าน มุตตาคิ รักษาการรัฐมนตรีต่างประเทศของรัฐบาลตาลิบัน ที่ระบุว่า รัฐบาลของเขาต้องการสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดกับหุ้นส่วนนานาชาติ และเรียกร้องให้สหรัฐฯ ยุติการระงับการเข้าถึงเงินสำรองของอัฟกานิสถาน
กลุ่มตาลิบันระบุว่า การประชุมดังกล่าวมีตัวแทนจากประเทศต่าง ๆ 20 ประเทศเข้าร่วมประชุม และมีอีกหลายสิบคนที่เข้าร่วมประชุมออนไลน์
ทั้งนี้ นับตั้งแต่กลุ่มตาลิบันยึดอำนาจเมื่อห้าเดือนที่แล้ว การระงับเงินช่วยเหลือด้านการพัฒนาทำให้อัฟกานิสถานซึ่งเป็นประเทศทีพึ่งพาการช่วยเหลือจากต่างประเทศเป็นหลัก เผชิญกับวิกฤตบริการสาธารณะขั้นพื้นฐาน เช่น ไฟฟ้า สาธารณสุข และการศึกษา อัฟกานิสถานยังเผชิญกับเงินเฟ้อรุนแรงด้วย
เมื่อครั้งที่กลุ่มตาลิบันเคยเป็นรัฐบาลช่วงปีค.ศ. 1996 -2001 ผู้หญิงถูกกีดกันจากพื้นที่สาธารณะ เด็กหญิงไม่ได้รับการศึกษา มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน และอัฟกานิสถานกลายเป็นฐานที่มั่นของกลุ่มก่อการร้ายข้ามชาติ ทำให้มีมาตรการลงโทษและการโดดเดี่ยวทางการทูตต่ออัฟกานิสถาน
แม้ในครั้งนี้ กลุ่มตาลิบันได้รับปากว่าจะปกครองประเทศด้วยแนวทางที่ต่างออกไป แต่ทางกลุ่มก็ยังไม่อนุญาตให้ผู้หญิงส่วนใหญ่ทำงานในภาครัฐได้ และนักเรียนหญิงชั้นมัธยมส่วนใหญ่ก็ยังคงเข้าชั้นเรียนไม่ได้ ผู้หญิงยังไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางไกลกว่า 72 กิโลเมตรโดยไม่มีญาติผู้ชายเดินทางด้วย และคนขับรถแท็กซี่ต้องไม่รับผู้โดยสารหญิงที่ไม่สวมผ้าคลุมฮิญาบขึ้นรถ
เมื่อวันพุธ รายงานจากองค์การแรงงานระหว่างประเทศระบุว่า ตำแหน่งงานกว่า 500,000 ตำแหน่งในอัฟกานิสถานหายไปนับตั้งแต่กลุ่มตาลิบันยึดอำนาจ โดยตัวเลขดังกล่าวอาจเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 900,000 ตำแหน่งในกลางปีนี้ รายงานยังระบุด้วยว่า ผู้หญิงได้รับผลกระทบมากที่สุดจากตำแหน่งงานที่หายไป โดยประมาณการว่าการจ้างงานผู้หญิงลดลง 16 เปอร์เซ็นต์ในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน
